- 14 เม.ย. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
ในขณะที่ทางด้านกองทัพซีเรีย ยืนยันว่าจะตอบโต้ภัยคุกคามครั้งนี้กับผู้รุกรานอย่างสาสมเช่นกัน
มีรายงานข่าวจากทางด้านกองทัพซีเรีย หลังจากที่ทางด้านผู้นำสหรัฐฯ ได้สั่งให้กองทัพเปิดปฏิบัติการถล่มซีเรีย เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2561 ซึ่งมี เป้าหมาย 3 จุดใหญ่ ได้แก่ศูนย์วิจัยด้านวิทยาศาสตร์ชานกรุงดามัสกัส คลังแสงอาวุธเคมี ในเมืองฮอมส์ ที่อยู่ทางตะวันตกของประเทศ และเป้าหมายแห่งที่ 3 คือศูนย์บัญชาการซึ่งเพนตากอนยังสงวนข้อมูลในการเปิดเผยพิกัด
ทางด้านกองทัพซีเรีย รายงานว่าได้มีขีปนาวุธจำนวน 30 ลูกที่มุ่งโจมตีเป้าหมายดังกล่าว แต่ทว่า ถูกระบบป้องกันภัยทางอากาศของซีเรีย ดำเนินการสกัดได้ 28 ลูก มีเพียง 2 ลูกเท่านั้น ที่สามารถเล็ดลอดระบบป้องกันภัย เข้ามาได้
ในขณะที่ทางด้านกองทัพซีเรีย ยืนยันว่าจะตอบโต้ภัยคุกคามครั้งนี้กับผู้รุกรานอย่างสาสมเช่นกัน
ขณะที่ทางด้าน ทางด้านประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครอง ผู้นำฝรั่งเศส ได้ออกมาแถลงว่าตัวเขาได้ดำเนินการสั่งการแทรกแซงทางทหารในซีเรีย โดยให้กองกำลังทหารของฝรั่งเศส ร่วมกับสหรัฐฯและอังกฤษ โจมตีคลังอาวุธเคมีของรัฐบาลซีเรีย
ผู้นำฝรั่งเศส ยังให้ข้อมูลต่อว่าการสั่งการครั้งนี้ต้องการโจมตีในวงจำกัดเฉพาะคลังอาวุธเคมี ของซีเรียเท่านั้น ไม่ต้องการให้เกิดผลกระทบกับอาวุธและกำลังพลของกองทัพรัสเซียในพื้นที่ใกล้เคียงแต่อย่างใด
นอกจากนี้ยังมีความเคลื่อนไหวจากทางด้านรัสเซียพบว่าเรือรบรัสเซียได้ออกไปจากฐานทัพเรือทาร์ทุส ในซีเรีย ซึ่งวลาดิมีร์ ชามานอฟ ประธานคณะกรรมาธิการด้านกลาโหมรัสเซีย กล่าวให้ความเห็นว่ากองเรือรบได้เคลื่อนตัวออกจากฐานเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ซึ่งถือเป็นแนวปฏิบัติที่ปกติในการที่มีภัยคุกคามเกิดขึ้น
ขณะที่ทางด้านนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ของอังกฤษ สั่งส่งเรือดำน้ำไปประจำการในระยะหวังผลเพื่อเตรียมพร้อมโจมตีซีเรียด้วยขีปนาวุธแล้ว โดยผู้นำอังกฤษพร้อมไฟเขียวให้อังกฤษเข้าร่วมปฏิบัติการทางทหารต่อซีเรียร่วมกับสหรัฐฯ และฝรั่งเศสแล้ว