- 01 มิ.ย. 2562
เมื่อช่วงประมาณต้นเดือน เม.ย. 62 ที่ผ่านมา ถือได้ว่าเป็นเรื่องสุดอือฮาอีกครั้งหนึ่งของประวัติศาสตร์โลก เมื่อมีรายงานการค้นพบ ซากเมืองโบราณในเขตพื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศอิรัก ซึ่งเป็นเตปกครองตนเองของเคอร์ดิสถาน
เมื่อช่วงประมาณต้นเดือน เม.ย. 62 ที่ผ่านมา ถือได้ว่าเป็นเรื่องสุดอือฮาอีกครั้งหนึ่งของประวัติศาสตร์โลก เมื่อมีรายงานการค้นพบ ซากเมืองโบราณในเขตพื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศอิรัก ซึ่งเป็นเตปกครองตนเองของเคอร์ดิสถาน
โดยพื้นที่แห่งนี้ได้มีการขุดค้นเมื่อหลายปีมาแล้วโดยทีมนักสำรวจสัญชาติฝรั่งเศส แต่เนื่องจากว่าพื้นที่แห่งนี้เป็นเขตพื้นที่อันตราย เนื่องจากปกครองโดยกลุ่มผู้ก่อการร้าย ISIS จึงทำให้การค้นพบครั้งนี้เป็นชิ้นเป็นอันเมื่อปลายปี 2018 นั่นเอง
ซึ่งทางด้านทีมสำรวจได้เพียงประมาณการณ์คร่าวๆ จากประวัติศาสตร์ และสิ่งของที่พบเจอโดยรอบ โดยเชื่อว่าเมืองแห่งนี้ เคยมีผู้คนจำนวนมากอาศัยอยู่เมื่อประมาณ 4,200 ปีก่อน และน่าจะถูกทิ้งร้างหลังจากเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ใหญ่ เมื่อประมาณ 4,000 ปีก่อน
และจากการสำรวจนักโบราณคดีได้ค้นพบแผ่นจารึกหลายสิบชิ้น โดยมีการสลักข้อความด้านภาษาต่างๆ และเชื่อว่าแผ่นจารึกที่พบเจอเป้นหนังสือตำราเกี่ยวข้องกับวิธีการขนแป้ง ในยุคนั้น
ซึ่งจากการค้นพบแผ่นจารึก ทำให้นักโบราณคดีทราบเลยว่า ชาวเมืองมีความรู้ด้านภาษาต่างๆเป็นอย่างดี เพราะพวกเขาสามารถจารึกภาษาได้ทั้งของ อัคคาเดียน ซูเมเรียน และภาษาในกลุ่มเมโสโปเตเมีย
นอกจากจารึกแล้ว นักสำรวจยังได้ค้นพบหัวลูกธนูที่ทำจากหินออบซิเดียน และแจกันที่มีลวดลายของงู และแมงป่องอีกด้วย แต่ถึงอย่างไรเมืองนี้ยังเป็นเมืองใหม่ที่พึ่งค้นพบและยังไม่ทราบว่าเมืองนี้ชื่ออะไร สัญาชาติใดคือผู้ครอบครอง โดยในช่วง เดือนกันยายน-ธันวาคม 2019 นักสำรวจจะลงพื้นที่หาความจริงอีกครั้ง