กลุ่มเด็กเวียดนาม ห่อตัวเองใส่ถุงพลาสติกข้ามแม่น้ำ-เดินต่อกว่า 20 กิโล เพื่อไปรร.

อย่าเพิ่งคิดว่าตัวเองไปโรงเรียนลำบาก จนกว่าจะได้เห็นวิธีห่อพลาสติกของเด็กเวียดนามกลุ่มนี้ ห่อตัวเองใส่ถุงพลาสติกข้ามแม่น้ำ-เดินต่อกว่า 20 กิโล เพื่อไปรร.

เชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยได้ฟังเรื่องราวการเดินทางไปโรงเรียนในยุคปู่ย่าตายยายของเรา ซึ่งเต็มไปด้วยความยากลำบากมากมาย อาทิเช่น ต้องเดินลุยโคลนหรือเดินทางไกลเป็นสิบๆ กิโลเมตรเพื่อไปโรงเรียน แต่จะลำบากขนาดไหน ก็อาจจะไม่ลำบากเท่ากับเด็กนักเรียนเวียดนามที่เราจะนำมาให้ชมกันในวันนี้ เพราะพวกเขาต้อง “ห่อตัวเองใส่ถุงพลาสติก” เพื่อลอยข้ามแม่น้ำไปโรงเรียน
 

กลุ่มเด็กเวียดนาม ห่อตัวเองใส่ถุงพลาสติกข้ามแม่น้ำ-เดินต่อกว่า 20 กิโล เพื่อไปรร.

หมู่บ้าน Huoi Ha ในตอนเหนือของประเทศเวียดนาม ถือว่าเป็นหมู่บ้านหนึ่งที่อยู่ห่างไกลจากเขตการศึกษา ทำให้ปกติแล้วเด็กๆ ในหมู่บ้าน ต้องเดินไปโรงเรียนที่อยู่ห่างไปกว่า 20 กิโลเมตรเป็นประจำ และทุกครั้งที่เดินทางไปหรือกลับจากโรงเรียน ก็ต้องผ่านแม่น้ำ Nam Chim อยู่เสมอ ซึ่งแม่น้ำนี้แม้จะมีความกว้าง 20 เมตร แต่ก็สร้างความลำบากได้ไม่น้อย

กลุ่มเด็กเวียดนาม ห่อตัวเองใส่ถุงพลาสติกข้ามแม่น้ำ-เดินต่อกว่า 20 กิโล เพื่อไปรร.

ซึ่งปกติแล้วเด็กๆ จะใช้สะพานไม้ในการเดินข้ามไปได้ แต่ในฤดูฝนหรือฤดูน้ำหลากช่วง มิถุนายนถึงตุลาคม น้ำจะขึ้นมาจนไม่สามารถใช้สะพานได้ ผู้ปกครองของนักเรียนทั้งหลายจึงไม่มีทางเลือก ต้องให้ลูกหลานห่อตัวเองด้วย “ถุงพลาสติกใบยักษ์” ก่อนให้ผู้ปกครอง หรือถ้าผู้ปกครองว่ายน้ำไม่แข็ง ก็ต้องจ้างให้คนพาข้ามแม่น้ำเชี่ยวระยะกว้างเกือบๆ 20 เมตรไป
 

หลังจากที่ข้ามฝั่งไปอย่างทุลักทุเลแล้ว มันยังไม่จบแค่นั้นด้วย เด็กๆ ยังต้องเดินต่อไปอีกกว่า 15 กิโลเมตร เพื่อไปยังโรงเรียนของพวกเขาก่อนหน้านี้ชาวบ้าน Huoi Ha ได้เขียนคำร้องให้ทางจังหวัดเข้ามาสร้างสะพานและทางคมนาคมดีๆ ให้พวกเขาแล้ว แต่ก็ไม่การตอบรับจากทางจังหวัดสักที

กลุ่มเด็กเวียดนาม ห่อตัวเองใส่ถุงพลาสติกข้ามแม่น้ำ-เดินต่อกว่า 20 กิโล เพื่อไปรร.

“เราเคยเตือนพวกเขาแล้วว่าการข้ามแม่น้ำโดยใส่เด็กไว้ในถุงพลาสติกนั้นมีความเสี่ยงมาก แต่ระดับน้ำก็สูงพอที่จะพัดแพที่ใช้ข้ามฝั่งให้พังได้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางเลือก” Vang A Po ประธานกรรมการอำเภอ Na Sang กล่าว

กลุ่มเด็กเวียดนาม ห่อตัวเองใส่ถุงพลาสติกข้ามแม่น้ำ-เดินต่อกว่า 20 กิโล เพื่อไปรร.

ซึ่งพวกเขาก็หวังว่าในอนาคต จะมีเส้นทางการเดินทางที่สะดวกกว่านี้ และเด็กๆ สามารถไปเรียนหนังสือได้อย่างไม่ทุทักทุเลเสียที

 

ขอบคุณ Vietnamnet