- 10 มี.ค. 2563
จากกรณีสาวไฮโซวัย 27 ปี ทายาทผู้ทรงอิทธิพลในวงการเหล็ก ได้รับวินิจฉัยว่าติดเชื้อโควิด-19 หลังไปดูแฟชั่นโชว์ "กุชชี่" ที่มิลาน กับ "แซงต์ โลรองต์" ที่ปารีส ที่มีผู้เข้าร่วมรวมกันกว่าพันคน รวมทั้งบรรณาธิการแฟชั่นและตัวแทนห้างสรรพสินค้า ซึ่งบรรณาธิการจากสหรัฐฯ และเอเชีย เช่น สิงคโปร์กับไทย ยืนยันว่า ยังไม่กลับเข้าสำนักงาน หลังได้รับการร้องขอจากบริษัท เพราะอิตาลีได้ชื่อว่ามีผู้ติดเชื้อมากที่สุดนอกเอเชีย
จากกรณีสาวไฮโซวัย 27 ปี ทายาทผู้ทรงอิทธิพลในวงการเหล็ก ได้รับวินิจฉัยว่าติดเชื้อโควิด-19 หลังไปดูแฟชั่นโชว์ "กุชชี่" ที่มิลาน กับ "แซงต์ โลรองต์" ที่ปารีส ที่มีผู้เข้าร่วมรวมกันกว่าพันคน รวมทั้งบรรณาธิการแฟชั่นและตัวแทนห้างสรรพสินค้า ซึ่งบรรณาธิการจากสหรัฐฯ และเอเชีย เช่น สิงคโปร์กับไทย ยืนยันว่า ยังไม่กลับเข้าสำนักงาน หลังได้รับการร้องขอจากบริษัท เพราะอิตาลีได้ชื่อว่ามีผู้ติดเชื้อมากที่สุดนอกเอเชีย
ล่าสุด เว็บไซต์เวียดนามอินไซเดอร์ รายงานว่า เวียดนามยืนยันพบชาวต่างชาติจำนวน 9 คน ติดเชื้อโคโรนาไวรัส สายพันธุ์ใหม่ หลังเดินทางมาโดยเที่ยวบินเดียวกับ เหวียน ห่อง นุง (Nguyen Hong Nhung) ไฮโซสาววัย 26 ปี ซึ่งตรวจพบว่าติดโรค COVID-19 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับชาวต่างชาติที่ติดโรคทั้ง 9 คน ประกอบด้วย ชาวอังกฤษ 7 คน ชาวเม็กซิกัน 1 คน และชาวไอริช 1 คน ทั้งหมดอายุระหว่าง 58-74 ปี โดยขณะนี้ทางการได้ดำเนินการกักตัวคนกลุ่มนี้ไว้ในโรงพยาบาลเพื่อการรักษาแล้ว
ขณะเดียวกัน ข้อมูลจาก เว็บไซต์เดลี่เมล เผยว่า เหวียน ห่อง นุง เป็นไฮโซสาวชาวเวียดนาม ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากการร่วมงานแฟชั่นโชว์ของแบรนด์ต่าง ๆ ทั่วยุโรป ทั้งโชว์ของ Gucci ในเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี และโชว์ของ Saint Laurent ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
ด้าน เหวียน ห่อง หง่า (Nguyen Hong Nga) พี่สาววัย 27 ปี ซึ่งเดินทางไปชมแฟชั่นโชว์กับน้องสาว และขึ้นเครื่องบินมาลำเดียวกัน ก็ได้รับการยืนยันว่าเป็นผู้ติด COVID-19
ทั้งนี้ หลังจากที่ 2 พี่น้องไฮโซสาวได้เข้าร่วมชมงานแฟชั่นโชว์ในมิลานและปารีส ก็ได้เดินทางไปเยี่ยมคนในครอบครัวที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ จากนั้นก็ได้ขึ้นเครื่องบินของสายการบิน Vietnam Airlines เที่ยวบินลอนดอน - ฮานอย กลับมาที่เวียดนาม เมื่อวันที่ 2 มีนาคม ที่ผ่านมา
ในตอนนี้ทางการเวียดนามอยู่ระหว่างพยายามติดตามตัวผู้โดยสารจำนวนหลายร้อยคนบนเที่ยวบินดังกล่าว มาทำการกักกันและตรวจโรค อย่างไรก็ตาม พบว่ามีชาวต่างชาติบางรายที่ออกอาการไม่พอใจ เมื่อถูกทางการเวียดนามบังคับกักกันตัวในโรงพยาบาล ดังเช่นคู่หูนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ 2 คน ที่ถูกกักตัวระหว่างรอผลการตรวจโรค โดยพวกเขาไม่เต็มใจจะถูกกักกันตัวเป็นเวลา 14 วัน เพราะมองว่าตัวเองยังไม่มีอาการของโรค และชี้ว่าการสื่อสารเป็นไปได้อย่างยากลำบาก โดยพวกเขาสามารถพูดคุยกับพยาบาลรายหนึ่งที่สื่อสารภาษาอังกฤษได้นิดหน่อย ทำให้แทบไม่ทราบสถานการณ์เลยว่าเกิดอะไรขึ้น แม้จะขอน้ำสักขวดก็ยังลำบาก