จนท.ดับเพลิงพบซากร่างหนุ่มน้อย กอดสุนัขไว้บนตักในกองเพลิงจากโศกนาฏกรรมไฟป่าในรัฐโอเรกอน

กลายเป็นโศกนาฏกรรมที่ชวนสลดใจเป็นที่สุด เมื่อ ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ไฟป่าลุกลามพื้นที่มลรัฐชายฝั่งตะวันตก หรือ แถบเวสต์โคสต์ สูงเกิน 30 ราย แล้ว เฉพาะที่รัฐโอเรกอน ทั้งที่เสียชีวิตและยังหาไม่พบเพิ่มขึ้นเป็นหลายสิบชีวิต ส่วนรัฐแคลิฟอร์เนียเสียชีวิต 24 รายเป็นอย่างน้อย

โดยในโศกนาฏกรรมที่เมืองไลออนส์ รัฐโอเรกอนในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงพบศพเด็กชายอายุ 13 ปี ทราบชื่อภายหลังว่า ไวแอต ทอฟตี นอนกอดสุนัขอยู่บนตักไร้ลมหายใจทั้งคู่อยู่ในรถที่คาดว่ากำลังจะหนีไฟป่าแต่หนีไม่พ้น จนทำให้ภาพเบื้องหน้าของเจ้าหน้าที่กลายเป็นที่หดหู่ใจที่สุดในรอบสัปดาห์

ข้างๆ รถคันนี้ มีรถอีกคัน ภายในมีคุณยายของเด็ก ชื่อ เพ็กกี มอสโซ ถูกไฟคลอกเสียชีวิต ส่วนแม่ของเด็ก ชื่อ แองเจลา ถูกไฟคลอกเช่นกัน ขณะพยายามจะช่วยแม่ของตนออกมาจากรถ แต่ไม่ทันการณ์ เจ้าหน้าที่นำนางแองเจลาผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล

สำหรับสถานการณ์ไฟป่าเมื่อวันเสาร์ที่ 12 ก.ย. ยังคงปะทะอยู่ 97 จุดใหญ่ๆ รวมถึงที่รัฐไอดาโฮ ที่เพิ่มขึ้นมา 12 จุด และรัฐมอนทานา 9 จุด ขณะที่สภาพมลรัฐที่เกิดไฟไหม้ทั้งหมด รวมโอเรกอน แคลิฟอร์เรีย และวอชิงตัน ควันไฟตลบถึงเขตชุมชน ทำให้ผู้คนหายใจลำบากมาก และส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยโรคโควิด-19 ให้หนักขึ้นไปอีก

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

ขณะเดียวกัน สำนักข่าวเอพี รายงานว่า พื้นที่ที่ถูกไฟเผาผลาญมีสภาพเหมือนพื้นที่ในยุโรปที่ถูกระเบิดลงช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อาคารบ้านเรือนไหม้ถล่มลงมา ซากดำไหม้เป็นตอตะโก สัตว์เลี้ยงทั้งแมวและสุนัขต่างถูกไฟคลอกเช่นเดียวกับมนุษย์

ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีหมายลงพื้นที่ประสบภัยที่รัฐแคลิฟอร์เนีย วันจันทร์ที่ 14 ก.ย. ที่ผ่านมา ขณะที่ผู้ว่าการ 3 รัฐ ได้แก่ วอชิงตัน โอเรกอน และแคลิฟอร์เรีย ต่างกล่าวว่า ไฟไหม้ลุกลามเช่นนี้เป็นผลกระทบมาจากภาวะโลกร้อน

ขอบคุณข้อมูล CNN