นักวิทย์ฯ ยอมทนให้ยุงหลายพันตัวรุมกัน สละเลือดของตัวเองเพื่อคนนับล้าน

กลายเป็นภาพที่ทำเอาหลายคนขนลุกระคนกับอยากตบให้หายคัน เมื่อ เพอร์แรน รอสส์ (Perran Ross) นักกีฏวิทยา จากเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ได้ทำการวิจัยเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออก ไวรัสซิก้า และไวรัสอื่นๆ ที่มียุงเป็นพาหะนำโรค ทว่าใครจะรู้ว่า หนึ่งในกระบวนการนั้น มันน่าขนลุกไม่น้อย
 

โดยเว็บไซต์ Ladbible หยิบเรื่องราวนี้มาเสนอในรายงานวันที่ 1 ตุลาคม 2563 เผยว่า ตามปกติแล้ว นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกจะใช้วิธีการฉีดแบคทีเรีย ที่เรียกว่า วูลบัคเคีย (Wolbachia) เข้าไปในไข่ยุงบางสายพันธุ์ โดยเฉพาะยุงลายที่เป็นพาหะของโรคไข้เลือดออก เพื่อลดจำนวนยุงที่เป็นพาหะในธรรมชาติ แต่เนื่องจากไข่ของยุงมีขนาดเล็กมาก จึงจำเป็นต้องใช้เข็มขนาดเล็กพิเศษเพื่อเจาะผนังไข่

ดังนั้น เพื่อที่จะให้ยุงตัวเมียมีชีวิตอยู่เพื่อวางไข่ได้มากขึ้นพวกมันจำเป็นต้องได้รับอาหาร โดยวิธีที่ง่ายที่สุดที่นักวิจัยพบคือการให้เลือด แต่ในเมื่อไม่สามารถพาพวกมันไปที่โรงพยาบาลแล้วให้ดูดเลือดมนุษย์จากถุงเลือดได้ เขาจึงต้องทำด้วยตนเอง นั่นคือการให้ยุงกัดตัวเองได้เท่าที่พวกมันต้องการ

ทั้งนี้ รอสส์ ได้แชร์ภาพขณะยื่นแขนเข้าไปในกล่องที่เต็มไปด้วยยุงลายนับร้อยตัว โดยต่างพากันมารุมดูดเลือดที่แขนของเขา ซึ่งเขาชี้ว่ามักให้อาหารยุงครั้งละ 250 ตัว โดยยื่นแขนไปให้ยุงในกล่องนึงดูดเลือดจนพอใจ ก่อนจะย้ายไปให้อาหารยุงในกล่องอื่นๆ

และอีกรูปที่กลายเป็นไวรัล รอสส์เผยสภาพแขนของเขาภายหลังให้ยุงกินเลือด พร้อมกับแคปชั่นว่า "ทำลายสถิติใหม่ ให้เลือดยุงตัวเมียประมาณ 5,000 ตัว เสียเลือดไปราว 16 มิลลิลิตร"

นอกจากนี้ รอสส์ เผยว่า ในตอนแรก ๆ ที่เขาทำ มันรู้สึกคันมากจนอยากจะสะบัดแขนออกและตบพวกมัน เขาก็ทนไม่ไหวที่จะเกาแขน และมันทำให้เขาคันไปได้เป็นเดือน แต่จนถึงตอนนี้เขาชินแล้ว ซึ่งจริง ๆ แล้วให้เลือดพวกมันประมาณ 2-3 นาที แต่เขาก็ทิ้งแขนไว้ด้านในอยู่ประมาณ 10-15 นาที เพื่อให้พวกมันบินจากไปจนหมดเอง

โดยปกติแล้ว รอสส์จะให้อาหารยุงตัวเมียประมาณ 250 ตัวต่อครั้ง ก่อนที่จะย้ายไปยังกลุ่มถัดไป โดยหลังจากเขาปล่อยให้ยุงสูบเลือดไปราว ๆ 2 ชั่วโมงแขนของเขาที่เป็นรอยแดง ก็เริ่มค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติ

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่หลายคนได้เห็นแล้วรู้สึกว่า ไม่เคยคิดจะทำแบบนี้เลยในชีวิต แต่รอสส์กลับมีมุมมองที่ดีมาก

"มันเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับการวิจัยหวังว่าจะปรับปรุงชีวิตของคนนับล้าน" รอสส์ กล่าว

ขอบคุณข้อมูลจาก ladbible.com
ขอบคุณภาพจาก ทวิตเตอร์ MosWhisperer