- 01 ก.ค. 2564
องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุในรายงานความคืบหน้าด้านการแพร่ระบาดรายสัปดาห์ว่า มีการตรวจพบโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์เดลตา ซึ่งพบเป็นครั้งแรกในอินเดีย ใน 96 ประเทศ เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 11 ประเทศ
องค์การฯ ระบุว่าเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์เดลตา ซึ่งถูกเรียกว่าเป็น “ชนิดกลายพันธุ์คู่” เนื่องจากประกอบไปด้วยการกลายพันธุ์ 2 ชนิดนั้น มีอัตราการติดเชื้อสูงกว่าสายพันธุ์อัลฟาซึ่งพบเป็นครั้งแรกในสหราชอาณาจักรถึงร้อยละ 55 และสามารถกลายเป็นสายพันธุ์หลักของการแพร่ระบาดทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว
ทวีปแอฟริการายงานการแพร่ระบาดครั้งใหม่ในหลายพื้นที่ ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์เดลตา ขณะที่ตูนิเซีย โมแซมบิก ยูกันดา ไนจีเรีย และมาลาวี เป็นส่วนหนึ่งของ 11 ประเทศที่เพิ่งถูกเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์นี้เล่นงาน โดยยอดผู้ป่วยโรคโควิด-19 และผู้เสียชีวิตในแอฟริกา “พุ่งสูงอย่างรวดเร็ว”
เชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์เดลตาถูกพบเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคม 2020 โดยเกิดการกลายพันธุ์ในส่วนหนามหลายครั้ง ทำให้อัตราการแพร่เชื้อและความทนทานต่อแอนติบอดีชนิดลบล้างฤทธิ์ของไวรัสนั้นเพิ่มขึ้น ทั้งยังอาจต่อต้านวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ได้มากขึ้น
ผลการศึกษาล่าสุดของสกอตแลนด์ซึ่งได้รับการเผยแพร่ลงบน แลนเซ็ต (Lancet) วารสารการแพทย์นานาชาติพบว่าผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์เดลตา มีอัตราการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลสูงกว่าสายพันธุ์อัลฟาถึงร้อยละ 85
“เชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์เดลตา แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วและแข็งแกร่ง มันสามารถโจมตีกลุ่มผู้ที่เปราะบางได้มากกว่าสายพันธุ์อื่นๆ” ไมเคิล ไรอัน ผู้อำนวยการบริหารของโครงการภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพขององค์การฯ กล่าวเมื่อเร็วๆ นี้
ที่มา xinhuathai