นายกฯนิวซีแลนด์สั่งล็อกดาวน์ทั่วประเทศทันที หลังพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 1 ราย

หลังจากที่เกิดเหตุการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ที่ได้กระจายไปทั่วโลก ซึ่งทำให้หลายๆ ประเทศต้องเผชิญกับสถาวะเศรษฐกิจตกต่ำ เนื่องจากโรคระบาด ทำให้หลายๆ ประเทศต้องออกมาตรการเพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด ซึ่งหนึ่งในประเทศที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้จนสามารถกลับสู่สภาวะปกติได้นั่นก็คือ ประเทศนิวซีแลนด์ 

 

แต่ล่าสุดเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ นิวซีแลนด์ต้องล็อกดาวน์อีกครั้ง เมื่อพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อโควิด 19 รายใหม่จำนวน 1 ราย ซึ่งถือเป็นผู้ป่วยติดเชื้อรายแรกในประเทศในรอบ 6 เดือน หลังจากที่ประกาศชัยชนะและกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ทั้งการลดการใส่หน้ากากอนามัยและการล็อกดาวน์ต่างๆ ในประเทศ

โดย นางจาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีหญิงของนิวซีแลนด์ ได้แถลงอย่างเป็นทางการว่า แนวทางที่ดีที่สุดในการยับยั้งการระบาดโควิดให้ได้โดยเร็วนั้น ก็คือการใช้มาตรการเข้มงวด ซึ่งทางรัฐบาลนิวซีแลนด์ได้ตัดสินใจใช้มาตรการสูงสุดนั้นก็คือการ ล็อกดาวน์ เพื่อควบคุมยอดผู้ป่วยติดเชื้อให้อยู่ในระดับต่ำดีกว่าที่จะใช้มาตรการที่เบาจนไม่อาจควบคุมการระบาดและทำให้เชื้อโควิดแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว

 

นอกจากนี้ นางจาซินดา อาร์เดิร์น ยังได้แถลงการณ์ต่อไปว่า เจ้าหน้าที่ของนิวซีแลนด์ได้สันนิษฐานว่าผู้ป่วยโรคโควิดรายใหม่ครั้งนี้ อาจติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาที่พบครั้งแรกในอินเดียและแพร่เชื้อได้อย่างรวดเร็ว แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันแน่ชัด แต่อย่างไรก็ตาม ทางรัฐมนตรีได้คาดการณ์ว่าอาจพบผู้ป่วยติดเชื้อรายอื่นๆ เพิ่มขึ้นอีก จึงได้สั่งการล็อกดาวน์ทั้งประเทศ 

 

ตามรายงานระบุว่า คำสั่งของนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ต้องอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์เป็นเวลา 3 วัน นับตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป ขณะที่เมืองออคแลนด์และเมืองโคโรแมนเดล ซึ่งเป็นเมืองชายฝั่งและเป็นเมืองที่ผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่มีประวัติเดินทางไปมา จะถูกสั่งล็อกดาวน์เป็นเวลา 7 วัน

อย่างไรก็ตาม มาตรการล็อกดาวน์ระดับสี่ ซึ่งถือว่าเป็นระดับสูงสุดของประเทศ จะทำให้โรงเรียน สำนักงาน และภาคธุรกิจทั้งหมดในนิวซีแลนด์ต้องปิดทำการ แต่จะมีการอนุญาตให้มีธุรกิจบริการที่จำเป็นเปิดบริการได้ ซึ่งล่าสุด นิวซีแลนด์มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมราว 2,936 คน ซึ่งล่าสุดพบเพิ่มขึ้นมาอีก 10 ราย และมีผู้เสียชีวิตเพียง 26 คน