- 24 ส.ค. 2564
ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย มีคำสั่งให้ปรับลดราคาค่าตรวจโควิด-19 ลงจากเดิมคิดเป็นราคาเกือบ 50% ด้วยกัน
โจโก วิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย มีคำสั่งให้ปรับลดราคาค่าตรวจโควิด-19 ด้วยวิธีอาร์ที-พีซีอาร์ (RT-PCR) ให้อยู่ระหว่าง 450,000-550,000 รูเปียห์ (ราว 1,035-1,265 บาท) จากราคาสูงสุดเดิมที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้ที่ 900,000 รูเปียห์ (ราว 2,070 บาท) ซึ่งทำให้ค่าตรวจโรคด้วยวิธีนี้ลดลงถึงร้อยละ 38.9 - 50
วิโดโด กล่าวในวิดีโอที่เผยแพร่ในบัญชีทางการของสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 ส.ค. ว่าการลดราคาค่าตรวจข้างต้นเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มการตรวจโรค พร้อมสั่งด้วยว่า ผลการทดสอบอาร์ที-พีซีอาร์ ในอินโดนีเซียควรออกมาภายใน 24 ชั่วโมง
รัฐบาลอินโดนีเซียปรับลดราคาการตรวจเชื้อแบบอาร์ที-พีซีอาร์สำหรับเกาะชวาและบาหลีไว้ที่ สูงสุด 495,000 รูเปียห์ (ราว 1,138 บาท) ส่วนพื้นที่นอกเกาะทั้งสองอยู่ที่ 525,000 รูเปียห์ (ราว 1,207 บาท) โดยการตัดสินใจนี้มีขึ้นหลังมีกระแสวิจารณ์ว่าค่าตรวจโรคโควิด-19 ในประเทศนั้นแพงเกินไป
กรมบริการสุขภาพอินโดนีเซียได้ออกระเบียบเกี่ยวกับราคาการตรวจเชื้อแบบอาร์ที-พีซีอาร์ ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 17 ส.ค. โดยอับดุล คาเดียร์ อธิบดีกรมฯ กล่าวว่าการกำหนดราคาใหม่นี้ดำเนินการร่วมกันกับหน่วยงานกำกับดูแลการเงินและการพัฒนา
ด้านพีที คีเมีย ฟาร์มา (PT Kimia Farma) รัฐวิสาหกิจด้านเภสัชกรรม ได้ตัดสินใจลดราคาอุปกรณ์ทดสอบแบบอาร์ที-พีซีอาร์และแบบแอนติเจน เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับ โดยปัจจุบันอุปกรณ์ตรวจโรคโควิด-19 แบบอาร์ที-พีซีอาร์ที่แพงที่สุดของบริษัทสนนราคา 495,000 รูเปียห์ (ราว 1,138 บาท) ขณะที่แบบแอนติเจนอยู่ที่ 125,000 รูเปียห์ (ราว 287 บาท)
แวร์ดี บูดิดาร์โม ผู้อำนวยการ (President Director) ของบริษัทฯ กล่าวว่าการปรับราคาจะทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าถึงการตรวจโรคโควิด-19 ได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะช่วยให้สุขภาพของชาวอินโดนีเซียโดยรวมดีขึ้น” ขณะที่อากัส ชานดรา รักษาการฝ่ายบริหารของบริษัทฯ กล่าวว่า บริษัทยังลดราคาอุปกรณ์ตรวจเชื้อแบบแอนติเจนเกรดทั่วๆ ไปให้เหลือ 85,000 รูเปียห์ (ราว 195 บาท) ด้วย เป็นต้น
เมื่อวันศุกร์ (20 ส.ค.) ปวน มหาราณี ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ขอให้สถานบริการสุขภาพทุกแห่ง ซึ่งรวมถึงโรงพยาบาล ปฏิบัติตามกฎนี้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของรัฐบาลในการส่งเสริมการตรวจโรคโควิด-19 หลังพบว่ามีสถานบริการสุขภาพ รวมถึงโรงพยาบาลในประเทศหลายแห่ง ยังไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำดังกล่าว พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลออกคำเตือนหรือมาตรการลงโทษ