บริษัทเพิ่งตั้งของสหรัฐฯ คว้าทุน 500 ล้าน เตรียมปลุกแมมมอธคืนชีพ

หากย้อนไปในยุคน้ำแข็งเมื่อกว่า 20,000 ปีก่อน หลายๆ คนจะได้พบกับสัตว์โลกที่มีขนาดใหญอย่าง แมมมอธ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตระกูลช้าง ก่อนที่่มันจะสูญพันธุ์ไป แต่หลายคนๆ คนอาจจะคุ้นเคยกับ แมมอธ ในรูปแบบภาพยนตร์เอนิเมชันชื่อดังของ ไอซ์ เอจ ภาค 2 ที่ได้นำความน่ารักของของเพื่อนสนิททั้ง 3 อย่าง เสือเขี้ยวดาบ แมมมอธ และ ซลอธ พร้อมทั้งการผจญภัยของสรรพสัตว์ทั้งหลาย ทำให้หลายๆ คนมีความไฝ่ฝันว่า อยากจะเจอแมมมอธตัวเป็นๆ สักครั้ง

ท่ามกลางความเป็นไปไม่ได้อาจจะมีความเป็นไปไม่ได้อยู่เสมอ เนื่องจาก สื่อต่างประเทศได้รายงานว่า โคลอสซอล บริษัทด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพที่ตั้งขึ้นมาใหม่เมื่อไม่นานมานี้ในสหรัฐอเมริกา ได้เปิดเผยว่าได้รับเงินจากการระดมทุน 15 ล้านดอลลาร์ หรือ ประมาณ 494 ล้านบาท แล้ว เพื่อนำมาสร้าง แมมมอธ สิ่งมีชีวิตยุคโบราณที่มีลักษณะคล้ายช้างชนยาว หลังจากสูญพันธุ์ไปแล้วประมาณ 10,000 ปี จากอุณหภูมิโลกที่อุ่นขึ้นและจากการล่าของมนุษย์

ตามรายงานระบุว่า แมมมอธ ที่จะสร้างขึ้นมาอีกครั้งนี้ ดูเหมือนจะเป็นแมมมอธลูกครึ่งเสียมากกว่า เนื่องจาก นักวิทยาศาสตร์จะสร้างตัวอ่อนช้างเอเชียขึ้นมาในห้องแล็บ และปรับดีเอ็นเอของช้างให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการใส่ดีเอ็นเอของแมมมอธเข้าไป ซึ่งดีเอ็นเอแมมมอธนั้น จะทำให้มีขนยาวเหมือนแมมมอธ พร้อมทั้งมีชั้นไขมันหนา และมีความสามารถอื่นในการปรับตัวให้เข้ากับอากาศหนาว
 

โดยหลังจากปรับแต่งเสร็จแล้ว ก็จะนำตัวอ่อนนี้ไปฝังกับแม่ช้างอุ้มบุญหรือครรภ์สังเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ และถ้าหากทุกอย่างเป็นไปตามแผน ก็คาดว่าจะได้ลูกแมมมอธครอกแรกใน 6 ปีข้างหน้า ซึ่งโครงการนี้ระบุว่าต้องการช่วยอนุรักษ์ช้างเอเชียพร้อมกับความสามารถในการอาศัยในเขตหนาวได้ อีกทั้งยังอาจช่วยฟื้นฟูแหล่งที่อยู่อาศัยและป้องกันผลกระทบบางอย่างจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก อย่างเช่น การโค่นต้นไม้ที่ขึ้นในทุ่งหญ้าเขตอาร์กติกเพื่อคืนสภาพทุ่งหญ้าเขตหนาว ที่จะช่วยให้ดินเยือกแข็ง หรือ เพอร์มาฟรอสต์ ไม่ละลาย

อย่างไรก็ตาม ทว่านักวิทยาศาสตร์อีกกลุ่มกลับมองว่าความพยายามนี้น่าจะเป็นไปได้ยาก เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิประเทศของเขตอาร์กติกด้วยแรงของแมมมอธต้องอาศัยแมมมอธหลายแสนตัว อีกอย่าง ในแต่ละตัวนั้น จะต้องใช้เวลาอยู่ในครรภ์แม่ 22 เดือน และกว่าจะโตก็ต้องใช้เวลา 30 ปี นอกจากนี้  การที่มีป่าขึ้นในเขตอาร์กติกและมีมอสปกคลุมพื้นดิน ก็ช่วยให้ดินเยือกแข็งไม่ละลายเช่นกัน

ข้อมูลจาก The Guardian