- 16 พ.ย. 2564
นาที แท็กซี่ใจเด็ด ล็อกมือพลีชีพไว้ในรถ ไม่ให้เข้าไปก่อเหตุในโรงพยาบาล ก่อนบึ้มสนั่นหน้าโรงพยาบาลหญิงลิเวอร์พูล
กำลังเป็นที่พูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์ขณะนี้ ตำรวจอังกฤษจับกุมชาย 3 คนหลังเกิดเหตุรถยนต์คันหนึ่งเกิดระเบิดขึ้นใกล้กับโรงพยาบาลลิเวอร์พูล ในเมืองลิเวอร์พูลเมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ย. 64 ตามเวลาท้องถิ่น ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 คนและบาดเจ็บ 1 คน ตำรวจยังไม่ฟันธงเป็นการก่อการร้ายหรือไม่
ภาพจาก กรุงเทพธุรกิจ
สำนักงานตำรวจเขตเกรทแมนเชสเตอร์ทวีตว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเขตเทศมณฑลเมอร์ซีย์ไซด์ได้จับกุมชาย 3 คน อายุ 29 , 26 และ 21 ปีในย่านเคนซิงตัน เมืองลิเวอร์พูล ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการก่อการร้าย หลังเกิดเหตุระเบิดรถยนต์ คันหนึ่งด้านนอกเขต โรงพยาบาลหญิงลิเวอร์พูล ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ
โดยขณะนี้ตำรวจท้องถิ่นร่วมกับตำรวจต่อต้านการก่อการร้ายกำลังร่วมกันสืบสวนหาสาเหตุของการระเบิดดังกล่าว ขณะที่ แถลงการณ์ของตำรวจระบุยังไม่ได้สรุปเกี่ยวกับสาเหตุของการระเบิด เพียงแต่เผยว่า รถยนต์คันที่เกิดเหตุระเบิดนั้น เข้าใจว่าเป็นรถแท็กซี่ที่เพิ่งเข้ามาจอดใกล้บริเวณโรงพยาบาลได้ไม่นานก่อนที่จะเกิดการระเบิดขึ้นในช่วงเวลาประมาณ 11.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า ผู้เสียชีวิตเป็นผู้โดยสารเพศชายของรถคันที่เกิดระเบิด ส่วนผู้บาดเจ็บคือคนขับ ซึ่งขณะนี้ถูกส่งเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและยังคงมีอาการคงที่ ตำรวจขอให้ประชาชนอยู่ในความสงบ อย่าตื่นตระหนกแต่ให้เพิ่มความระมัดระวัง
สำหรับเหตุระเบิดครั้งนี้เกิดขึ้นในเวลาใกล้เคียงกับขณะที่กำลังมีการจัดพิธีรำลึกถึงผู้เสียชีวิตในสงครามที่มหาวิหารเมืองลิเวอร์พูลซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลกันนัก
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
ขณะเดียวกัน นายบอริส จอห์นสัน นายรัฐมนตรีอังกฤษ โพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ส่วนตัวแสดงความเสียใจต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้ และแสดงความขอบคุณเจ้าหน้าที่หน่วยสาธารณภัยฉุกเฉินที่ปฏิบัติการอย่างมืออาชีพและรวดเร็ว รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังติดตามสืบสวนเรื่องนี้
ตำรวจระบุว่า ในเบื้องต้นยังไม่มีการประกาศว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นปฏิบัติการก่อการร้าย
เหตุรุนแรงในลิเวอร์พูล เกิดขึ้นหลังจากกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐ (ดีเอชเอส) ประกาศเตือนภัย เผยแพร่เมื่อวันที่ 10 พ.ย. ให้ประชาชนเฝ้าระวังการก่อเหตุจาก กลุ่มนิยมความรุนแรงภายในประเทศ และกลุ่มนิยมแนวทางรุนแรงที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก กลุ่มก่อการร้ายสากล
ดีเอชเอสเตือนให้ประชาชนเตรียมพร้อมสำหรับ “สถานการณ์ฉุกเฉิน” และเพิ่มความระมัดระวังกับสถานการณ์ที่อาจเกิดความเสี่ยงกับตนเอง รวมถึงขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นหรือเอฟบีไอในกรณีที่พบเห็นเหตุการณ์ที่น่าสงสัยหรือเหตุการณ์ที่อาจก่อให้เกิดความไม่สงบ ซึ่งรวมถึงภัยคุกคามในโลกออนไลน์
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
นอกจากนี้ ดีเอชเอส ระบุว่า แม้ยังไม่มีข้อมูลเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับภัยคุกคามดังกล่าว แต่ก็เตือนว่าเป้าหมายของการก่อเหตุนี้อาจเป็นสถานที่ที่มีการชุมนุมของผู้คนจำนวนมากในช่วงเทศกาลวันหยุดและวันสำคัญทางศาสนา และอาจมาจากกลุ่มคนหรือองค์กรที่ต้องการแสดงความไม่พอใจต่อมาตรการล็อคดาวน์ในช่วงการระบาดของโควิด-19 และเหตุการณ์อื่นๆ ที่สหรัฐมีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น การถอนทหารอเมริกันออกจากอัฟกานิสถาน เป็นต้น
การออกประกาศเตือนครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่สี่ในปี2564 ซึ่งยิ่งเน้นย้ำถึงอันตรายที่กำลังเกิดขึ้นจากกลุ่มนิยมความรุนแรงภายในประเทศซึ่งมักได้รับแรงจูงใจจากความเกลียดชังด้านเชื้อชาติและสีผิว รวมทั้งกลุ่มนิยมแนวทางรุนแรงในประเทศที่ได้รับแรงบันดาลใจจากกลุ่มก่อการร้ายสากล
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
ภัยคุกคามดังกล่าวยังเกิดขึ้นโดยได้รับการสนับสนุนจากการโฆษณาชวนเชื่อผ่านโลกออนไลน์และทฤษฎีสมคบคิดต่าง ๆ ตลอดจนความโกรธแค้นต่อปัญหาเศรษฐกิจที่มีสาเหตุมาจากการระบาดของโคโรนาไวรัสโควิด-19
อย่างไรก็ตาม ดีเอชเอส ยังเตือนด้วยว่า กลุ่มนิยมความรุนแรงจะก่อภัยคุกคามในสหรัฐอย่างน้อยจนถึงปี 2565 โดยดีเอชเอสกำลังทำงานร่วมกับเอฟบีไอ ตลอดจนเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายในระดับต่าง ๆ รวมทั้งประเทศอื่น เพื่อเพิ่มเงินทุนและการฝึกฝนที่จำเป็นสำหรับโครงการรับมือภัยคุกคามเหล่านั้น
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
คลิปจาก CocoNews