- 18 พ.ย. 2564
แพทย์จาก Archives of Internal Medicine รายงานสาวอาร์เจนไตน์ ป่วยติดเชื้อ HIV หายเองได้โดยไม่ได้รับการรักษา นับเป็นคนที่ 2 ของโลก
ทำเอาทั่วโลกตกตะลึงอย่างมาก เมื่อสื่อต่างประเทศต่างนำเสนอรายงานทางการแพทย์จาก Archives of Internal Medicine ระบุว่า หญิงชาวอาร์เจนตินาวัย 30 ปีที่ติดเชื้อ HIV เมื่อปี 2556 สามารถกำจัดเชื้อไวรัส HIV ออกจากร่างกายเองได้โดยไม่ได้รับการรักษาไม่ว่าจะเป็นด้วยยาหรือการบำบัดใดๆ โดยหลังการทดสอบเซลล์จำนวนมากกว่าหนึ่งพันล้านเซลล์ของเธอ แพทย์ระบุว่าไม่พบการติดเชื้อไวรัส HIV อีกต่อไป
ตามรายงานระบุว่า หลังจากที่ติดเชื้อในปี 2556 หญิงคนดังกล่าวไม่ได้เข้ารับการรักษาจนกระทั่งในปี 2563 เธอตัดสินใจรับยาต้านไวรัส Tenofovir, Raltegravir และ Emtricitabine เพื่อป้องกันการส่งเชื้อให้กับลูกในครรภ์ ซึ่งเธอรับยาเป็นเวลาเพียง 6 เดือนเท่านั้น
โดย ภายหลังจากการคลอดลูก ดร.ซู หยู จากสถาบัน Ragon Institute of Massachusetts General Hospital, MIT and Harvard ผู้เขียนงานวิจัยทำการตรวจสอบเม็ดเลือดและเนื้อเยื่อจากรก พบว่าเธอเคยได้รับเชื้อ HIV จริง แต่ไม่มีเชื้อที่สามารถแพร่ต่อได้อีกต่อไป และยังไม่สามารถอธิบายกลไกการกำจัดเชื้อเองได้อย่างชัดเจน
ขณะเดียวกัน แพทย์เชื่อว่าระบบภูมิคุ้มกันของหญิงคนนี้อาจสามารถกำจัดตัวไวรัสได้เอง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญต่างลงความเห็นว่าหากมนุษย์สามารถใช้ประโยชน์จากกระบวนการดังกล่าวได้ นี่อาจจะเป็นทางออกของมนุษยชาติในการรับมือกับการติดเชื้อไวรัส HIV ซึ่งจะพลิกโฉมวงการแพทย์ไปตลอดกาล
ทั้งนี้การศึกษาพบข้อมูลที่ชี้ว่า มนุษย์บางคนเกิดมาพร้อมกับความสามารถในการกำจัดเชื้อไวรัส HIV ได้เอง ซึ่งบางคนมียีนส์ที่สามารถระงับการติดเชื้อได้ โดยก่อนหน้านี้มีอีกหนึ่งบุคคลที่ไม่ประสงค์เปิดเผยตัวตนได้ติดเชื้อ HIV เช่นกัน แต่ร่างกายสามารถกำจัดเชื้อได้เองในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตาม คนส่วนใหญ่บนโลกไม่มีความสามารถพิเศษนี้จึงต้องใช้ยาต้านไวรัส HIV ไปตลอดชีวิต
นอกจากนี้ ตามรายงานของ TIME ยังได้ระบุว่า สาวป่วย ติดเชื้อไวรัส HIV หายเอง รายนี้คือผู้ที่อยู่ร่วมกับ HIV คนที่สองของโลกที่สามารถหายได้เองในลักษณะนี้ โดยผู้ป่วยที่รู้จักกันในนาม "The San Francisco patient" คือคนแรกที่สามารถกำจัด HIV ได้เองในปี 2563
ตามข้อมูลระบุว่า ตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา ทีมแพทย์ของ ดร.หยูทำงานหนักร่วมกับหญิงชาวอาร์เจนตินามาโดยตลอด มีการตรวจเซลล์ไปแล้วมากกว่า 1,500 ล้านเซลล์เพื่อหาคำอธิบายจากยีนส์ของตัวไวรัสว่าอาจจะยังสามารถพัฒนาและแพร่เชื้อได้อีกหรือไม่ แต่จนท้ายที่สุดก็ไม่พบหลักฐานนั้น พบเพียงแค่ยีนส์ของไวรัสที่ยืนยันว่าหญิงคนนี้เคยติดเชื้อไวรัส HIV เท่านั้น และเป็นหลักฐานที่คล้ายกันกับสิ่งที่พบกับผู้ป่วยคนแรกจากซานฟรานซิสโก
ข้อมูลจาก BBC,TIME