- 07 ก.พ. 2565
หมอเตือน อย่าเขี่ยขี้ตาที่มีลักษณะเป็นเมือกเส้นๆ ที่อยู่ในตาออกมาจากตา เพราะมันอันตรายกว่าที่คิด ส่งผลหนักอาจรวมไปถึงสุขภาพจิตของพวกเขาด้วย
เวลาเคืองๆ ตาเราก็มักจะหาอะไรมาเขี่ยๆ ขี้ตาที่มีลักษณะเป็นเมือกเส้นๆ ที่อยู่ในตาออกมา ซึ่งหลายคนอาจจะคิดว่าเป็นวิธีการทำความสะอาดดวงตาอย่างหนึ่ง เนื่องจากในสังคมออนไลน์สุดฮิตอย่าง TikTok ได้เกิดเทรนด์แปลกๆ ขึ้นมาตั้งแต่เมื่อช่วงต้นปีที่แล้ว นั่นคือ #mucusfishing หรือ #mucusremoval คือผู้คนพากันเขี่ยเส้นๆ ที่ว่านี้ โดยไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วมันเป็นอันตรายกว่าที่คิด
โดยล่าสุดมีการเปิดเผยว่า แม้ว่าเทรนด์การเขี่ยเมือกในตานี้จะฮิตและมีคนทำตามมากมาย แต่ในขณะเดียวกันก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์และต่อต้าน ทางด้านแพทย์ผู้เชี่ยวชาญชื่อดังหลายคน ได้ออกมาเตือนภัยชี้ว่า เทรนด์อันตรายนี้ อาจส่งผลต่อการมองเห็น รวมไปถึงสุขภาพจิตของพวกเขาด้วย
ด้าน ดร.แอนโธนี ยุน คุณหมอคนดังในติ๊กต็อก ที่มีผู้ติดตาม 7.5 ล้านบน TikTok กล่าวว่า พฤติกรรมดังกล่าวจัดอยู่ในกลุ่มอาการผิดปกติที่เรียกว่า Mucus Fishing syndrome ซึ่งยิ่งเขี่ยเมือกๆ เหล่านี้ออกจากตามากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งมีมากขึ้น และสีดำที่เห็นก็เป็นเพราะมาสคาร่า ไม่ใช่เส้นขนใดๆ
ขณะเดียวกัน ดร.การัน ราจัน แพทย์ศัลยกรรมของหน่วยบริการสุขภาพแห่งชาติในอังกฤษ ก็ได้เตือนว่า การเขี่ยเมือกในตาอาจก่อให้เกิดผลเสียหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ตาแห้ง ตาแดง หรือตาอักเสบจากติดเชื้อของเยื่อบุตา ทุกครั้งที่เอาสิ่งต่างๆ ไปสัมผัสดวงตา ยิ่งเสี่ยงให้เกิดการติดเชื้อ
ส่วนใครที่กำลังสงสัยว่า แล้วเจ้าขี้ตาที่เป็นเส้น หรือเมือกในตา เกิดจากอะไร ซึ่งมันก็คือ เมือกเหนียว ที่อาจเกิดจากการติดเชื้อ ตาแห้ง และปัจจัยอื่นๆ อีกหลายประการ แม้ว่าการสะสมของเมือกดังกล่าวจะสร้างความรำคาญจนต้องพยายามดึงออก แต่ความจริงแล้ว มันจะทำให้ดวงตายิ่งระคายเคืองมากขึ้นและยิ่งไปกระตุ้นให้มันผลิตออกมามากขึ้น
นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญเผยว่า พฤติกรรมดังกล่าวไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย แต่ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตได้เช่นกัน ผู้ที่มีพฤติกรรมนี้อาจจะมีภาวะวิตกกังวล และเสพติดการที่จะเขี่ยเส้นเมือกออกจากตาบ่อยๆ
อย่างไรก็ตาม คำแนะนำก็คือปล่อยให้ดวงตากำจัดของเสียดังกล่าวออกมาด้วยตัวมันเอง อาจจะใช้ยาหยอดตาเพิ่มความชุ่มชื่น รวมไปถึงการรักษาดวงตาให้แข็งแรง ก็จะช่วยลดการอักเสบ และลดปริมาณการเกิดเมือกดังกล่าว
ข้อมูลจาก Indy100
คลปจาก TikTok @dr.karanr - TikTok @tonyyounmd