- 15 มิ.ย. 2565
เศรษฐกิจโลกถดถอยของจริง หายนะคริปโต เศรษฐีโลกสูญเสียความมั่งคั่ง เฉพาะวันจันทร์วันเดียวก็สูญไปถึง 206,000 ล้านดอลลาร์
หายนะคริปโต เศรษฐีโลกสูญเสียความมั่งคั่ง วันเดียวสลาย 206,000 ล้านดอลลาร์ ก่อนหน้านี้หลายคนอาจจะเคยอู้ฟู่มาจากการขุดเหมืองคริปโตเคอเรนซี (Cryptocurrency) สกุลเงินดิจิทัลที่ทรงมหาอำนาจอย่างมาก ซึ่งเหรียญคริปโตเคยสร้างความฮือฮาอย่างมาก เนื่องจากหลายคนที่หันมาจับเงินทางด้านนี้สามารถร่ำรวยพรวดพราดอย่างคาดไม่ถึง
ทว่าล่าสุด เศรษฐกิจโลกถดถอยของจริง เมื่อภาคอุตสาหกรรมสกุลเงินดิจิทัลเผชิญฝันร้าย สูญเสียมูลค่าตลาดทั่วโลกกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์ ส่วนภาค e-commerce ก็กระทบจากการที่ shopee ปลดพนักงานฟ้าผ่าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมหาเศรษฐีโลก 500 คน สูญเสียความมั่งคั่งรวมกันในปีนี้ 1.4 ล้านล้านดอลลาร์
ภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ส่อเค้ามานาน เริ่มชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อภาคอุตสาหกรรมสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) ซึ่งเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) เผชิญวิกฤตที่เลวร้ายที่สุด มูลค่าตลาดทั่วโลกวูบหายไปกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์เมื่อวันจันทร์ ท่ามกลางความกังวลต่อการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED)
โดยข้อมูลของ Coinmarketcap.com ซึ่งรวบรวมราคาสกุลเงินดิจิทัลมากกว่า 1,000 สกุล จากตลาดซื้อขายทั่วโลก พบว่ามูลค่าตลาดของสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมดดิ่งลงไปต่ำกว่าระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อวันจันทร์ ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2564
ด้าน Celsius Network บริษัทให้บริการกู้ยืมเงินสกุลดิจิทัลผ่านแพลตฟอร์ม "DeFi" (ระบบการเงินแบบไร้ศูนย์กลางที่ตัด "ตัวกลาง" ในการทำธุรกรรมต่างๆ เพื่อลดค่าธรรมเนียม) ที่มีทรัพย์สินมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ ประกาศเมื่อวันอาทิตย์ระงับการให้บริการด้านถอน การแลกเปลี่ยน และการโอนระหว่างบัญชีทั้งหมดชั่วคราวเพื่อรักษาสภาพคล่อง
ทั้งยังย้ายกองทุนมูลค่ารวมกว่า 320 ล้านดอลลาร์ จาก AAVE ไปยังเว็บเทรด FTX ซึ่งเป็นกระดานซื้อขายระดับโลก โดยไม่ระบุเหตุผล แต่เชื่อว่าเป็นเพราะมูลค่าเหรียญดิจิทัล CEL(เซลเซียส) ดิ่งลงไป 48%
อีกทั้ง "ไบแนนซ์" (Binance) ก็ตามมาติดๆ ด้วยการประกาศให้ "หยุดถอนบิตคอยน์" (BTC) โดยให้เหตุผลเรื่องการทำธุรกรรมเกิดข้อผิดพลาด และราคาบิตคอยน์ก็ดิ่งลงไป 17.23% อยู่ที่ระดับต่ำกว่า 23,000 ดอลลาร์ ขณะเดียวกันแพลตฟอร์ม Coinbase ซึ่งเปรียบเสมือนตลาดหลักทรัพย์ของสกุลเงินดิจิทัล เตรียมตัดลดพนักงานเต็มเวลาลง 18%
โดยอีเมลที่ CEO ไบรอัน อาร์มสตรองส่งถึงพนักงาน ระบุถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะถดถอย จำเป็นต้องบริหารต้นทุนและการเติบโตที่ "เร็วเกินไป" หลังจากอยู่ในช่วงเศรษฐกิจขาขึ้นมานานกว่า 10 ปี และแม้จะเป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์เศรษฐกิจหรือตลาด แต่ก็ต้องตั้งรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด เพื่อให้ยังคงสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ไม่ว่าจะเป็นสภาวะแวดล้อมแบบใดก็ตาม
แรงกระเพื่อมยังส่งถึงธุรกิจ e-commerce โดย Dealstreetasia รายงานว่า Shopee e-commerce รายใหญ่ของเอเชีย ประกาศปลดพนักงานล็อตใหญ่ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งอินโดนีเซีย ไทย และเวียดนาม โดยการปลดฟ้าผ่านี้มีขึ้นในการประชุม Town Hall ระหว่างประเทศของบริษัทและให้มีผลบังคับใช้ในวันนี้ แต่บริษัทแม่คือ "Sea Group" ยังไม่ได้ชี้แจงเหตุผล ส่วนพนักงานที่ถูกปลดกว่าครึ่งอยู่ในส่วนของบริการชำระเงินและส่งออกหาร (ShopeePay และ ShopeeFood)
ความผันผวนของเศรษฐกิจยังส่งผลกระทบต่อบรรดาเศรษฐีที่มั่งคั่งที่สุด 500 คน ของโลก โดยดัชนีมหาเศรษฐีของบลูมเบิร์ก (Bloomberg Billionaire Index) ระบุว่าบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก 500 คน สูญเสียความมั่งคั่งรวมกัน 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ ในปีนี้ เฉพาะวันจันทร์วันเดียวก็สูญไปถึง 206,000 ล้านดอลลาร์
ทั้งจากปัจจัยเงินเฟ้อและความวิตกเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED ข้อมูลยังชี้ด้วยว่า อันดับเศรษฐีของเอเชียแปซิฟิกเพิ่มขึ้นเพียง 4.2% ตามหลังยุโรปและอเมริกาเหนือ หลังครองการเติบโตมากที่สุดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ส่วนแคปเจมินิ กรุ๊ป (Capgemini Group) บริษัทที่ให้บริการให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศข้ามชาติของฝรั่งเศส ชี้ว่าสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่นและเยอรมนี ยังอยู่ในกลุ่มประเทศอันดับต้นๆ ที่มีมหาเศรษฐีอาศัยอยู่มากที่สุดในโลก โดยครองสัดส่วนเกือบ 64% ของผู้มีรายได้สูงสุดของทั้งโลก
ทั้งนี้ สำหรับเศรษฐีโลก 5 อันดับ ที่สูญเสียความมั่งคั่ง ได้แก่
1. ชางเผิง เจา ผู้ก่อตั้ง Binance สูญเสีย 85.6 พันล้านดอลลาร์ เหลือทรัพย์สินสุทธิ 10.2 พันล้านดอลลาร์
2. อีลอน มัสก์ ผู้ก่อตั้งและ CEO Tesla/SpaceX สูญเสีย 73.2 พันล้านดอลลาร์ เหลือทรัพย์สินสุทธิ 197.1 พันล้านดอลลาร์
3. เจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้ง Amazon สูญเสีย 65.3 พันล้านดอลลาร์ เหลือทรัพย์สินสุทธิ 127 พันล้านดอลลาร์
4. มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้ง Facebook สูญเสีย 64.4 พันล้านดอลลาร์ เหลือทรัพย์สินสุทธิ 61.1 พันล้านดอลลาร์
5. แบร์นาร์ด อาร์โนลต์ ประธานและ CEO ของ LVMH สูญเสีย 56.8 พันล้านดอลลาร์ เหลือทรัพย์สินสุทธิ 121.2 พันล้านดอลลาร์