- 27 มิ.ย. 2565
ผู้นำ G7 ประชุมประจำปี หงายไพ่เล่นงานรัสเซีย บีบยุติทำสงครามใส่ยูเครน - แย่งอิทธิพลจีนด้วยการโค่นหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง
ผู้นำ G7 ประชุมประจำปี หงายไพ่เล่นงานรัสเซีย - จีน การประชุมสุดยอดประจำปีของกลุ่ม G7 เปิดฉากขึ้นแล้วเมื่อบ่ายวันอาทิตย์ โดยปีนี้เยอรมนีรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพ และแม้ว่าประเด็นหลักที่หารือกันทุกปีจะเกี่ยวข้องกับปัญหาด้านความมั่นคง, เศรษฐกิจ และสภาพอากาศทั่วโลก แต่ปีนี้วาระที่มีอิทธิพลต่อการประชุมคือ สงครามที่ยูเครนกับการขยายอิทธิพลของจีน
การประชุมสุดยอดของกลุ่มชาติมหาอำนาจทางอุตสาหกรรม 7 ประเทศ หรือ G7 เริ่มต้นขึ้นแล้วที่โรงแรม "ชลอส เอลมาว" (Schloss Elmau) บริเวณเทือกเขาบาวาเรีย โดยโรงแรมแห่งนี้ได้รับการแบบมาเพื่อรองรับการจัดงานสำคัญและทรงเกียรติ และในปีนี้ผู้นำทั้ง 7 ได้แก่
1. ประธานาธิบดีโจ ไบเดน (สหรัฐฯ)
2. ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง (ฝรั่งเศส)
3. นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน (อังกฤษ)
4. นายกรัฐมนตรีมาริโอ ดรากี (อิตาลี)
5. นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด (แคนาดา)
6. นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ (ญี่ปุ่น)
และ 7 . เจ้าภาพคือรัฐมนตรี โอลาฟ ชอลซ์ (เยอรมนี) พร้อมกับแขกพิเศษได้แก่ เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป และชาร์ลส์ มิเชล ประธานคณะมนตรียุโรป ซึ่งจะร่วมหารือประเด็นสำคัญ ๆ ระหว่างวันที่ 26 ถึง 28 มิถุนายน
แม้ในทุกๆ ปี ผู้นำเหล่านี้จะหารือกันในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง, เศรษฐกิจ และสภาพอากาศทั่วโลก แต่ปีนี้ มี 2 ประเด็น ที่เข้ามามีอิทธิพลบดบังวาระการประชุมก็คือสงครามรัสเซีย-ยูเครน กับการขยายอิทธิพลของจีน
รัสเซียกำลังจะถูกลงดาบล่าสุด หลังมติในที่ประชุมเห็นพ้องกันว่าจะออกคำสั่งห้ามนำเข้าทองคำจากรัสเซีย เพื่อเพิ่มแรงกดดันให้รัสเซียเลิกทำสงครามในยูเครน โดยจะออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการวันที่ 28 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการประชุม เพราะทองคำเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญของรัสเซีย เป็นสินค้าส่งออกอันดับ 2 รองจากพลังงาน เมื่อปี 2564
รัสเซียมีรายได้จากการส่งออกทองคำ 1.52 หมื่นล้านดอลลาร์ การห้ามนำเข้าทองคำจะทำลายความสามารถในการทำธุรกรรม ในระบบการเงินโลกของรัสเซีย แต่คำสั่งห้ามจะมีผลกับทองคำที่ขุดใหม่หรือสกัดใหม่ ไม่มีผลต่อทองคำที่ส่งออกมาจากรัสเซียก่อนหน้านี้
ส่วนจีน ผู้นำ G7 มีแผนที่จะยับยั้งการขยายอิทธิพลของจีน ที่มีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ ในการเข้าไปสร้างสิ่งสาธารณูปโภคต่างๆ ในประเทศกำลังพัฒนา ตั้งแต่ ถนนหนทาง ตลอดจนสะพานและสนามบิน ภายใต้ยุทธศาสตร์ "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" (Belt and Road initiative) ที่จีนหวังเข้าไปพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงตลาดการค้าระหว่างจีนกับประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียและยุโรป
แต่ทั้ง 7 ชาติ เตรียมสกัดด้วยการทุ่มงบ 600,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะมาจากโครงการริเริ่มของไบเดน 200,000 ล้านดอลลาร์ ที่รวมทั้งโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในแองโกลา สร้างโรงงานผลิตวัคซีนในเซเนกัล, สร้างสายเคเบิลโทรคมนาคมสื่อสารใต้ทะเล ที่จะเชื่อมดินแดนตะวันออกไกล (Far East) กับฝรั่งเศสผ่านอิยิปต์, สร้างโรงงานนิวเคลียร์รูปแบบใหม่ให้แก่โรมาเนีย ที่เล็กกว่าและราคาถูกกว่าแบบเดิม โดยยืนยันว่าประเทศเหล่านี้ได้รับข้อเสนอที่ดีกว่าโครงการของจีน ที่พ่วงภาระหนี้