หนุ่มซื้อเรือนหอ 8 ล้าน เพิ่งรู้ประวัติสุดหลอน ทำแฟนสาวไม่กล้าย้ายมาอยู่

หนุ่มซื้อเรือนหอ 8 ล้าน เพิ่งรู้ประวัติสุดหลอน ทำแฟนสาวไม่กล้าย้ายมาอยู่ กลายเป็นประเด็นที่น่าสนใจอย่างมาก เมื่อมีรายงานเรื่องราวของ ชายชาวจีนรายหนึ่ง ตัดสินใจซื้ออพาร์ทเมนต์ยูนิตหนึ่ง ในเขตจินเจียง มณฑลเฉิงตู ประเทศจีน ผ่านทางบริษัทนายหน้าด้านอสังหาริมทรัพย์ เมื่อปี 2564 และย้ายเข้าไปอยู่ที่นั่น แต่ต่อมาเขากลับเพิ่งทราบความจริงว่าที่แห่งนี้เคยมีคนเสียชีวิต แถมยังเป็นการเสียชีวิตแบบผิดธรรมชาติ เพราะมีเหตุเด็กเล็กตกลงไปในเดือนมกราคม 2564

 

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

 

โดยชายรายดังกล่าวระบุว่า เขาได้ถามยืนยันกับเจ้าของเดิมแล้ว ว่าห้องเคยมีประวัติอะไรไหม แต่เจ้าของเดิมก็ปฏิเสธ ทั้งที่ในสัญญาซื้อขายบ้านที่เขากับเจ้าของเดิมลงนามร่วมกัน เจ้าของเดิมยืนยันว่าที่แห่งนี้ไม่เคยเกิดการเสียชีวิตอย่างผิดธรรมชาติต่างๆ ที่น่ากลัวหรืออะไรทั้งสิ้น ระหว่างที่ตนเองครอบครองบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุหรืออะไรก็ตาม 

 

อีกทั้งในสัญญายังระบุว่า หากเจ้าของเดิมปกปิดความจริงในเหตุเหล่านั้นก่อนทำสัญญา ชายรายดังกล่าวมีสิทธิ์ยกเลิกสัญญาซื้อขายฉบับนี้ได้ ทว่าเมื่อชายรายนี้พยายามติดต่อไปเจรจากับเจ้าของเดิม กลับถูกบล็อกการติดต่อทั้ง WeChat และโทรศัพท์ เขาจึงต้องไปร้องเรียนบริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แต่กลับได้รับคำตอบว่า พวกเขาก็เป็นเหยื่อเหมือนกัน

อพาร์ทเม้นต์หลอน ชายรายดังกล่าวเผยว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่อาจยอมรับได้ เดิมทีเขากับแฟนสาวมีแผนจะแต่งงานกันในปี 2565 นี้ แต่เมื่อแฟนสาวทราบว่าเคยเกิดอะไรขึ้นที่อพาร์ทเมนต์นี้ เธอก็ไม่กล้าย้ายเข้ามาอยู่ด้วย ทำให้แผนแต่งงานของเขาต้องถูกเลื่อนออกไป ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เขาเครียดหนัก แผนการสำคัญในชีวิตอาจพังทลายถ้าเรื่องนี้ไม่ได้รับการแก้ไข ทำให้เขาไม่มีทางเลือก และตัดสินใจยื่นฟ้องต่อศาลประชาชนเขตจินเจียง

 

เขาระบุต่อศาลว่า ขอให้พิจารณาว่าทางเจ้าของเดิมกับบริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ว่ามีเจตนาฉ้อโกงและปกปิดความจริง ซึ่งถือเป็นการละเมิดสัญญาอย่างร้ายแรงหรือไม่ โดยศาลได้รับคดีไว้แล้ว แต่หลังจากปรากฏข่าวดังกล่าว ต่อมาทางบริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ได้แจ้งกับสื่อว่าจะทำตามข้อตกลงของสัญญา โดยจะมีการซื้ออพาร์ทเมนต์ดังกล่าวคืนในราคาเดิม รวมถึงจะคืนค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องให้แก่ผู้เสียหายด้วย

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline