น้องสาวคิมจองอึน เตรียมแก้แค้น คาดโทษเกาหลีใต้ ทำโควิดระบาดในเกาหลีเหนือ

น้องสาวคิมจองอึน เตรียมแก้แค้น คาดโทษเกาหลีใต้ ทำโควิดระบาดในเกาหลีเหนือ หลังจากที่ หนังสือพิมพ์ของพรรครัฐบาลเกาหลีเหนือ ระบุว่า คิมจองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ได้กล่าวในการประชุมวางแผนต่อต้านโรคระบาดว่าเกาหลีเหนือไม่พบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ในประเทศติดต่อกัน 12 วัน ซึ่งถือว่าเกาหลีเหนือบรรลุเป้าหมายในการทำให้ประเทศปราศจากการระบาดของโควิด

คิมจองอึน จึงได้ประกาศชัยชนะเหนือโควิดและเตรียมผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ที่เริ่มใช้มาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมหลังจากที่ได้พบผู้ติดเชื้อรายแรก โดยเกาหลีเหนือไม่เคยยืนยันจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศว่ามีมากเท่าไร แต่ตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคมเป็นต้นมา เกาหลีเหนืออ้างว่าไม่พบผู้ต้องสงสัยว่าติดเชื้อโควิดอีก

 

ขณะที่หลายฝ่ายเชื่อว่าการที่เกาหลีเหนือไม่พบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ น่าจะเป็นเพราะไม่มีกำลังและเครื่องมือในการตรวจโควิดประชาชนมากพอ และการที่คิมจองอึนรีบประกาศชัยชนะเหนือโควิด น่าจะเพื่อนำไปใช้อ้างเป็นผลงานในพิธีฉลองครบรอบการก่อตั้งประเทศ ที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 9 กันยายนนี้

ล่าสุด รายงานจาก สำนักข่าวกลางเกาหลี (เคซีเอ็นเอ) ของเกาหลีเหนือระบุว่า นางสาวคิม ยอ จอง น้องสาวของผู้นำเกาหลีเหนือ นายคิม จอง อึน กล่าวหาประเทศเกาหลีใต้ว่าเป็นสาเหตุที่โรคโควิด-19 ระบาดในประเทศ และมองว่าเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ

 

ตามรายงานระบุว่า คิม ยอ จอง อ้างสาเหตุหนึ่งที่โรคโควิด-19 แพร่เข้ามาในประเทศเพราะมีชาวเกาหลีใต้ปล่อยใบปลิว ธนบัตร และวัตถุอื่นๆ ผ่านบอลลูนเข้ามายังเกาหลีเหนือ ซึ่งนำเชื้อโรคมาด้วย

โดยการปล่อยบอลลูนดังกล่าวเป็นความพยายามของนักเคลื่อนไหวในเกาหลีใต้ ที่พยายามส่งสารและข้อมูลต่างๆ จากเกาหลีใต้ให้ชาวเกาหลีเหนือรับรู้ว่าสิ่งที่รัฐบาลเกาหลีเหนือสื่อสารกับประชาชนเป็นเพียงโฆษณาชวนเชื่อ การปล่อยบอลลูนดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนโรคโควิด ระบาดแล้ว ทั้งนี้ คิม ยอ จอง เตือนอีกว่า รัฐบาลเกาหลีเหนือกำลังพิจารณาใช้การตอบโต้ที่รุนแรงต่อเกาหลีใต้ ถ้าหากยังมีการปล่อยบอลลูนต่อไป

"เราจะตอบโต้โดยเด็ดขาดไม่ใช่แต่เฉพาะไวรัส แต่กับเจ้าหน้าที่รัฐของเกาหลีใต้ด้วย" น้องสาวผู้นำเกาหลีเหนือระบุ

การเคลื่อนไหวนี้ของ คิม ยอจอง เกิดขึ้นในช่วงที่ นายคิม จอง อึน ประกาศชัยชนะเหนือการระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศ หลังจากภาครัฐของเกาหลีเหนือรายงานว่าไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นระยะเวลาเกือบ 2 สัปดาห์ ซึ่งโลกภายนอกยืนยันข้อมูลดังกล่าวได้ยาก

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline