- 13 ส.ค. 2565
อุทาหรณ์คนคลั่งผอม สาววัย 20 ตั้งใจกินไข่พยาธิตัวตืด หวังลดน้ำหนักทางลัด แต่เกือบเอาชีวิตไม่รอด แพทย์ชี้อันตราย
สาววัย 20 ตั้งใจกินไข่พยาธิตัวตืด หวังลดน้ำหนักทางลัด เกือบเอาชีวิตไม่รอด กลายเป็นประเด็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสื่อออนไลน์อย่างหนัก เมื่อมีรายงานกรณีของหญิงสาวชาวจีนรายหนึ่ง ที่เธอตั้งใจกินไข่พยาธิตัวตืด เพื่อหวังลดน้ำหนักทางลัด สร้างความแตกตื่นตกใจให้กับผู้คนจำนวนมาก ในขณะที่ทางการแพทย์ก็ได้ออกมาเตือนถึงภัยอันตรายต่อชีวิต
กินไข่พยาธิลดน้ำหนัก โดยเคสดังกล่าว ถูกตีพิมพ์ลงในวารสารทางการแพทย์ American Society of Tropical Medicine and Hygiene เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 เผยว่า หญิงวัย 20 ปี อาศัยอยู่ในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ตั้งใจกินไข่ของพยาธิตืดวัว (Taenia saginata) เพื่อจุดประสงค์ในการลดน้ำหนักแบบผิดวิธี แต่เธอดันไปกินไข่พยาธิตืดหมู (Taenia solium) โดยไม่ตั้งใจ จึงทำให้เธอเป็นโรคพยาธิตืดหมู จนเกือบเป็นอันตรายถึงชีวิต
ทั้งนี้ในรายงานทางการแพทย์ ระบุว่า เมื่อเดือนเมษายน 2560 คนไข้รายนี้ มีน้ำหนักตัว 150 กิโลกรัม จนไปเห็นข้อมูลที่ผิดจากทางออนไลน์ ระบุว่า การกินไข่พยาธิตืดวัว อาจทำให้น้ำหนักลดได้ หลังจากนั้นเธอจึงซื้อไข่พยาธิตืดวัวที่เป็นลักษณะแคปซูลมา และกินไปเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2560 จำนวน 2 แคปซูล หลังจากผ่านไปประมาณ 4 เดือน น้ำหนักของเธอลดลงไป 27 กิโลกรัม แต่เธอยังไม่พอใจ จึงกินอีกแคปซูล ประมาณวันที่ 30 กันยายน 2560
กระทั่งในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2560 หญิงสาวมีอาการรปวดหัวและคลื่นไส้ จึงเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แต่ตรวจไม่พบความผิดปกติ ทั้งการสแกนศีรษะและช่องท้องด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ รวมไปถึงการเจาะตรวจน้ำไขสันหลัง ก็ไม่พบความผิดปกติ อีกทั้งเธอปฏิเสธการตรวจ MRI ด้วยเหตุผลทางการเงิน
ขณะนั้น เธอได้รับการวินิจฉัยว่า เป็นโรคไข้สมองอักเสบจากไวรัสและความดันโลหิตสูงในศีรษะ อาการของเธอหายไปหลังจากการรักษา และได้กลับบ้านในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2560 แต่หลังจากนั้น เธอยังคงมีอาการปวดหัวเป็นครั้งคราว
ต่อมาในวันที่ 2 มีนาคม 2561 เธอเข้ารับการรักษาใหม่อีกครั้ง ภายหลังจากมีอาการปวดหัวเรื้อรังและปวดท้องอย่างรุนแรง เมื่อแพทย์ตรวจอย่างละเอียด พร้อมกับข้อมูลที่คนไข้ยอมเปิดเผย จึงทำให้สามารถวินิจฉัยได้ว่า เธอเป็นโรคพยาธิตืดหมู ตัวอ่อนของพยาธิกระจายไปฝังตัวตามอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย รวมไปถึงในสมอง ลิ้น กล้ามเนื้อ ตับ เยื่อบุช่องท้อง และเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง
ทั้งนี้คนไข้หญิง เปิดเผยว่า เธอไม่เคยกินเนื้อดิบ และรักษาสุขอนามัยดี สมาชิกในครอบครัว หรือเพื่อนร่วมงานก็ไม่มีใครเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือพยาธิตัวตืด รวมทั้งไม่มีรายงานการระบาดในชุมชนของเธอ ทางแพทย์จึงคาดการณ์ว่า "ไข่พยาธิตืดวัว ที่เธอตั้งใจกินเพื่อลดน้ำหนัก แท้จริงแล้วคือไข่พยาธิตืดหมู"
ด้าน แพทย์สั่งจ่ายยาอัลเบนดาโซล (Albendazole) ยารักษาการติดเชื้อที่เกิดจากพยาธิ และยาพราซิควอนเทล (Praziquantel) ซึ่งเป็นยาในกลุ่มยาฆ่าพยาธิ หลังจากการรักษาเป็นเวลา 10 วัน ก้อนซีสต์ที่เกิดจากโรคพยาธิส่วนใหญ่หายไป อาการของเธอเริ่มดีขึ้นและหายดี ผ่านไป 3 ปี ในการติดตามผลครั้งล่าสุด เดือนมีนาคม 2564 คนไข้ก็ยังคงเป็นปกติ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น แม้ว่าเคสของคนไข้หญิงรายนี้จะได้รับการรักษาจนปลอดภัย แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะโชคดีเช่นนี้ ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา ทางด้าน นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า การกินไข่พยาธิตืดวัว เพื่อลดน้ำหนัก ไม่เคยมีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือมารองรับ นับว่าเป็นพฤติกรรมที่อันตรายมาก ห้ามลอกเลียนแบบเด็ดขาด
สำหรับ อาการการติดเชื้อพยาธิตัวตืดในลำไส้ คือ
- คลื่นไส้
- เหนื่อยล้า
- อ่อนแอ
- เบื่ออาหาร
- น้ำหนักลด
- ท้องเสีย
- ผอมลง
อันตรายที่เกิดจากพยาธิตัวตืด ระยะตัวเต็มวัย
- การขาดสารอาหาร เนื่องจากพยาธิแย่งอาหาร
- เกิดลำไส้อุดตัน เมื่อพยาธิไชทะลุลำไส้
- ทำให้เกิดเยื่อบุช่องท้องอักเสบ
- ถ้ามีตัวอ่อนของพยาธิตัวตืดหมู อยู่ในกล้ามเนื้อ จะทำให้ปวดเมื่อย
- พยาธิตัวอ่อน ที่เข้าไปในตา หรือสมอง อาจทำให้ตาบอด หรือเกิดอาการทางสมอง เช่น ปวดศีรษะ ชัก เป็นอัมพาต และเสียชีวิตได้
ข้อมูลจาก American Society of Tropical Medicine and Hygiene
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline