บอริส จอห์นสัน อวดผลงานก่อนพ้นเก้าอี้นายกรัฐมนตรีอังกฤษ

ในที่สุด อังกฤษ ก็ได้เปลี่ยนถ่ายอำนาจเรียบร้อย เมื่อนายกฯคนเก่าได้พ้นเก้าอี้ และได้ ลิซ ทรัสส์ (Liz Truss) ขึ้นมาดำรงตำแหน่แทน ทว่าก่อนหน้านี้ บอริส จอห์นสัน (Boris Johnson) อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้แถลงครั้งสุดท้ายอำลาตำแหน่ง โดยช่วงตอนหนึ่งได้กล่าวถึงผลงานด้วยความภูมิใจ ก่อนเรียกร้องให้สมาชิกพรรคสามัคคี และสนับสนุน ลิซ ทรัสส์ ที่จะเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่

 

ตามรายงานระบุว่า นายบอริส จอห์นสัน แถลงในฐานะนายกรัฐมนตรีเป็นวันสุดท้ายที่หน้าบ้านเลขที่ 10 ว่า การส่งต่อคบเพลิงให้หัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมคนใหม่ ซึ่งเขาหมายถึง ลิซ ทรัสส์ ที่ชนะการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคและที่จะเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และวิจารณ์เรื่องการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค ที่เขาเปรียบเทียบว่ากลายเป็นการแข่งขันวิ่งผลัด ที่มีการเปลี่ยนกติกากลางคัน 

หลังจากนั้นเขากล่าวถึงความสำเร็จของตัวเองในการทำให้เบร็กซิตลุล่วง, จัดฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แก่ประชาชนทั่วประเทศได้อย่างรวดเร็ว และส่งอาวุธช่วยเหลือยูเครนหลังรัสเซียเปิดฉากสงคราม รวมไปถึงทำข้อตกลงด้านความมั่นคง "ออคัส" กับสหรัฐฯ และออสเตรเลีย 

 

แต่เขากลับไม่ได้กล่าวขอโทษต่อกรณีอื้อฉาวเรื่องการจัดปาร์ตี้ในทำเนียบรัฐบาลในช่วงล็อกดาวน์เพื่อป้องกันการระบาดของโควิด-19 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นและปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้เขาเผชิญกระแสกดดันให้ลาออกและจำใจยอมก้าวลงจากตำแหน่งในที่สุด

อีกทั้งเขาบอกยังว่า เวลานี้เป็นช่วงความยากลำบากของเศรษฐกิจอังกฤษ แต่จะสามารถฝ่าพันไปได้ และขอให้สมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยมหยุดเล่นการเมือง รวมทั้งบอกว่าเป็นเวลาที่ทุกฝ่ายควรสนับสนุนลิซ ทรัสส์และรัฐบาลใหม่ในการดำเนินนโยบายเพื่อประชาชนในประเทศ พร้อมให้คำมั่นว่า เขาจะสนับสนุนเธอและรัฐบาลใหม่ทุกย่างก้าว

ทั้งนี้ จอห์นสันได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ที่พระตำหนักบัลมอรัลในสกอตแลนด์เพื่อยื่นหนังสือลาออก และจะเป็นการสิ้นสุดการดำรงตำแหน่งยาวนาน 1,139 วัน หลังเข้ารับตำแหน่งต่อจากเทเรซา เมย์ เมื่อปี 2562 เขายอมลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเมื่อต้นเดือน ก.ค. เพื่อปูทางสู่การสรรหาหัวหน้าพรรคที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ หลังเผชิญกระแสกดดันภายในพรรคที่มีรัฐมนตรีและสมาชิกรัฐสภาหลายคนลาออกเพื่อบีบให้เขาลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ภาพจาก Boris Johnson และ Liz Truss
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline