สาวปวดท้องหนัก หมอตรวจพบ ไตหาย ผัวตัวแสบขโมยขายไม่รู้เรื่อง

สาวปวดท้องหนัก หมอตรวจพบ ไตหาย ผัวตัวแสบขโมยขายไม่รู้เรื่อง กลายเป็นข่าวที่ทำเอาหลายคนถึงกับร้องห้ะ ด้วยความสงสัยอย่างมาก เมื่อมีรายงานเรื่องราวของ หญิงสาวรายหนึ่งที่ประเทศอินเดียว่า สามีตัวดีแอบขโมยไตไปขาย ซึ่งกว่าเธอจะรู้ตัวก็ตอนที่ เธอมีอาการปวดท้องอย่างหนัก 

ผัวขโมยไตขายไม่รู้ตัว หญิงดังกล่าวมีชื่อว่า รันจิตา คุนดู หญิงวัย 31 ปี จากเมืองมัลกังคีรี ในรัฐโอริสสา ทางตะวันออกของอินเดีย ได้แต่งงานกับสามีชื่อว่า ปราศันต์ คุนดู มาเป็นเวลานาน 12 ปี และมีลูกด้วยกัน 2 คน ซึ่งชีวิตการแต่งงานของเธอไม่ได้ราบรื่นนัก

เพราะหลังแต่งงาน ทั้งสามีและพี่สาวของเขา ซึ่งมีศักดิ์เป็นสะใภ้ของเธอ คอยรังควานทำร้ายทั้งทางร่างกายและจิตใจเธออยู่เสมอ เหตุเนื่องจากปัญหาเรื่องสินสอดทองหมั้น แต่เธอก็พยายามอดทนเรื่อยมา

กระทั่งในปี 2561 สามีของเธอได้กดดันให้เธอขายไตหนึ่งข้าง เพื่อแลกกับเงิน แต่เธอก็ไม่ยอม ซึ่งหลังจากเวลาผ่านไป จนวันหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ รันจิตารู้สึกปวดท้องรุนแรง จึงไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล ก่อนที่แพทย์จะแจ้งผลที่น่าตกใจ 

เพราะพบว่า ไตของเธอหายไปหนึ่งข้าง เหลือเพียงข้างเดียว เธอรู้สึกช็อกมาก เพราะไม่เคยรับรู้ว่ามีการผ่าตัดเกิดขึ้นกับร่างกายของเธอมาก่อน

ความจริงยิ่งช็อกไปอีก เมื่อรู้ว่า ในปี 2561 สามีของรันจิตา พาเธอไปแอดมิทเข้ารักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ในเมืองบูบันเนสชวาร์ ซึ่งขณะนั้น เธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคนิ่วในไต และมีการดำเนินการผ่าตัด โดยปราศจากความยินยอมของเธอ และที่นั่นเองที่สามีแอบขายไตของภรรยา

ทั้งนี้ตามรายงานเผยว่า ไตของ รันจิตา ถูกนำไปปลูกถ่ายให้คนไข้อีกรายหนึ่ง ซึ่งเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเดียวกันในช่วงเวลานั้น ส่วนเงินที่ได้จากการขายไตของเธอ สามีและพี่สะใภ้ของเธอ เป็นคนเก็บไปทั้งหมด

เรื่องดังกล่าวทำให้ เธอได้เข้าแจ้งความกับทางตำรวจ ก่อนที่จะมีการสืบสวน แต่ในตอนแรก ทางเจ้าหน้าที่ไม่พบตัวปราศันต์ เนื่องจากเขาไปทำงานต่างรัฐตั้งแต่เมื่อ 8 เดือนก่อน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ที่ผ่านมา เขาได้เดินทางกลับมา พร้อมกับผู้หญิงคนใหม่และได้แต่งงานกัน ทิ้งภรรยาที่แต่งงานมา 12 ปีไปอย่างแสบสัน

อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถเข้าจับกุมตัว สามีตัวดีของเธอได้ในที่สุด ในข้อหากระทำความผิดฐานขโมยไตภรรยาไปขายโดยไม่ได้รับการยินยอม

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline