- 11 ก.ย. 2565
เปิดรหัสลับเบื้องหลังการเสด็จสวรรคตของควีนเอลิซาเบธที่ 2 ที่แม้แต่พสกนิกรแห่งสหราชอาณาจักรก็ยังไม่รู้ ในการเตรียมพร้อมรับมือ
รหัสลับเบื้องหลังการเสด็จสวรรคตของควีนเอลิซาเบธที่ 2 นับเป็นอีกวันที่อังกฤษหม่นหมอง ภายหลังจากการเสด็จสวรรคตของ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร ขณะพระชนมายุ 96 พรรษา ในการนี้จะมีพระราชพิธีอันยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ
ในการนี้ยังต้องมีรหัสลับที่แม้แต่พสกนิกรแห่งสหราชอาณาจักรก็ยังไม่รู้ ในการเตรียมพร้อมรับมือฉุกเฉินกรณีการเสด็จสวรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ที่ครอบคลุมพระราชพิธีพระศพเอาไว้ทั้งหมด
- Operation London Bridge
นับจากนี้ไปเป็นระยะเวลาอย่างน้อยอีก 8 วัน คือช่วงแห่งการไว้อาลัยต่อการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ภายใต้ Operation London Bridge ซึ่งจะกำหนดขึ้นอย่างเป็นทางการหลังได้รับการอนุมัติจากพระเจ้าชาร์ลสที่ 3 ที่จะนำไปสู่กระบวนการต่างๆ สำหรับพระราชพิธีศพ
แม้เรื่องนี้จะเป็นข่าวช็อกคนทั้งชาติต่อการสูญเสียองค์พระประมุขที่เป็นที่รู้จักของคนทั้งโลก แต่สำหรับราชสำนักบักกิงแฮมและสมเด็จพระราชินีเอง ทรงเตรียมพร้อมรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันนี้มาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1960 แล้ว
และมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดปลีกย่อยและปรับปรุงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่สาระสำคัญส่วนใหญ่ยังคงไว้ และแผนที่จะส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวันในช่วงนี้ ของชาวสหราชอาณาจักรหลายล้านคน ก็จะเริ่มต้นด้วยสิ่งที่เรียกว่า "D-Day" หรือวันเสด็จสวรรคต
- D-Day
Operation London Bridge เคยรั่วมาแล้วเมื่อปี ค.ศ. 2019 โดยในแผนระบุว่าบุคคลแรกนอกตำหนักบาลมอรัลและบักกิงแฮม ที่ได้รับแจ้งเรื่องการสวรรคตของสมเด็จพระราชินี คือนายกรัฐมนตรีที่จะได้รับแจ้งทางโทรศัพท์ ทำให้มีข่าวลือมานับแต่นั้นว่ารหัส London Bridge จะใช้เมื่อสมเด็จพระราชินีเสด็จสวรรคต แต่ไม่เคยมีการยืนยันแต่ก็ได้รู้ว่าจริง ณ ตอนนี้
เหตุการณ์ต่อไปคือเสียงระฆังแห่งมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ (Westminster Abbey), โบสถ์เซนต์ ปอล (St Paul's Cathedral) และปราสาทวินด์เซอร์ (Windsor Castle) จะมีการยิงสลุด 96 นัด เท่ากับพระชนม์ชีพของสมเด็จพระราชินี ที่ไฮด์ ปาร์ค และสถานที่สำคัญอื่นๆ ไฟส่องสว่างที่ตำหนักต่างๆ ในพระราชฐานจะถูกปิด สาธารณชนจะเริ่มนำดอกไม้ไปวางเพื่อไว้อาลัย
- Operation Unicorn
การที่สมเด็จพระราชินีเสด็จสวรรคตที่พระตำหนักบาลมอรัล (Balmoral) ที่เปรียบได้กับพระราชวังฤดูร้อนในสก็อตแลนด์ ไม่ใช่ที่ลอนดอน ทำให้ต้องมีแผนสำรองซึ่งก็คือ Operation Unicorn จึงจำเป็นต้องส่งขบวนรถไฟ Royal Train ไปรับหีบพระศพกลับไปที่ลอนดอน และสภาผู้แทนราษฎรของสก็อตแลนด์ ก็ปิดเพื่อเข้าสู่ 10 วันแห่งการไว้อาลัยด้วย
ตามจารีตประเพณี เจ้าฟ้าชายชาร์ลสซึ่งขึ้นเป็นกษัตริย์โดยอัตโนมัติโดยไม่ต้องมีพิธีการใดๆ ซึ่งยึดหลัก "พระราชบัลลังก์จะร้างกษัตริย์ไม่ได้ (The King is dead, long live The Queen)" จะทรงมีพระราชโองการ "ประกาศการสืบทอดบัลลังก์ของพระองค์อย่างเป็นทางการ" ที่พระราชวังเซนต์เจมส์ (St James' Palace) ในลอนดอน
ต่อหน้าคณะบุคคลสำคัญที่เรียกว่า "สภาการขึ้นครองราชย์" (Accession Council) ประกอบไปด้วยเหล่าองคมนตรี (Privy Counsellors) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอาวุโสทั้งในอดีตและปัจจุบัน สมาชิกสภาขุนนาง ข้าราชการระดับสูง รวมทั้งข้าหลวงใหญ่ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ประจำรัฐต่างๆ ในเครือจักรภพ
อีกทั้ง คณะบุคคลสำคัญเหล่านี้อาจมีได้สูงสุดถึง 700 คน แต่ในทางปฏิบัติที่ต้องเร่งรีบแล้วอาจมีผู้เข้าร่วมจริงน้อยกว่านั้นมาก เช่นเมื่อปี ค.ศ. 1952 ที่ ควีนเอลิซาเบธที่ 2 เสด็จขึ้นครองราชย์ มีผู้เข้าร่วมราว 200 คน
คาดว่าหีบพระศพของสมเด็จพระราชินี จะถูกเก็บไว้ในส่วนของ "Ballroom" ภายในปราสาทบาลมอรัล หลังถูกส่งขึ้นขบวนรถไฟ Royal Train ไปยังเอดินบะระ ซึ่งใช้เวลาในการเดินทาง 5 ชั่วโมง ไปยังพระราชวังโฮลีรูดเฮาส์ (Palace of Holyroodhouse) เป็นเวลา 1 คืน ก่อนจะเดินทางต่อในเส้นทาง Royal Mile (รอยัล ไมล์) ไปยังโบสถ์เซนต์ กิลส์ (St Giles's Cathedral) เพื่อประกอบพิธี
ซึ่งพระโอรสและพระธิดาจะเข้าไปยืนเฝ้ารอบหีบพระศพเพื่อแสดงความเคารพ ที่เรียกว่า "Vigil of the Princes" (วิเจิล ออฟ ปริ๊นเซส) ก่อนที่หีบพระศพจะถูกส่งขึ้น Royal Train กลับพระราชวังบักกิงแฮม (Buckingham Palace) ในกรุงลอนดอน
- Operation Overstudy
ยังมี Operation Overstudy ที่เป็นแผนฉุกเฉินสำรอง ในกรณีที่ต้องเดินทางทางอากาศ ส่วนใหญ่จะนำหีบพระศพขึ้นเครื่องบินในเที่ยวบินพิเศษ Queen' Flight ซึ่งเป็นเครื่องบินของกองทัพอากาศที่มีชื่อว่า RAF Brize Norton หรือ RAF Northholt แต่ไม่ว่าจะเป็นการขนส่งทางอากาศหรือโดยรถไฟ ก็ยังจะต้องได้รับการถวายการต้อนรับจากนายกรัฐมนตรี และสมาชิกคณะรัฐมนตรี เมื่อไปถึงลอนดอน
อย่างไรก็ตาม เมื่อกลับถึงบักกิงแฮมก็จะเหลือเวลาอีกประมาณ 6 วัน ในการไว้อาลัยอย่างเป็นทางการ ที่จะสิ้นสุดในวันประกอบพระราชพิธีที่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์
ภาพจาก The Royal Family
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline