WHO เผยข่าวดีถึง การระบาดของโควิด-19 ประเมินสัญญาณดีสุด ... มันใกล้จบแล้ว

WHO เผยข่าวดีถึง การระบาดของโควิด-19 ประเมินสัญญาณดีสุด ... มันใกล้จบแล้ว มีรายงานระบุว่า นพ. ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) แถลงสรุปสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 เมื่อวันพุธว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด ประจำสัปดาห์ลดลงต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค. 2563 และ "เราไม่เคยอยู่ในสถานะที่ดีกว่านี้ที่จะยุติการระบาด เรายังไปไม่ถึงตรงนั้น แต่เห็นสัญญาณของจุดจบแล้ว"

อีกทั้งเขายกตัวอย่างด้วยว่า นักวิ่งมาราธอนไม่เคยหยุดวิ่งเมื่อเห็นเส้นชัยตรงหน้าแล้ว และจะวิ่งด้วยกำลังทั้งหมดที่เหลืออยู่ และย้ำว่า "เราสามารถเห็นเส้นชัย และอยู่ในจุดที่จะชนะได้ แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดถ้าหยุดวิ่ง ฉะนั้นเวลานี้ควรวิ่งให้เร็วยิ่งขึ้นเพื่อให้มั่นใจว่าจะข้ามเส้นชัยและคว้ารางวัลแห่งความทุ่มเททั้งหมดของพวกเรา"

แต่เขาก็เตือนด้วยว่า ยังมีความเสี่ยงที่จะมีเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่มากขึ้น การเสียชีวิต การหยุดชะงัก และความไม่แน่นมากขึ้น พร้อมกับย้ำให้ทุกคนคว้าโอกาสเข้าสู่เส้นชัยในเวลานี้ให้ได้

นอกจากนี้ ถ้อยแถลงดังกล่าวเป็นการประเมินสถานการณ์ในแง่บวกที่สุดนับตั้งแต่เกิดการระบาดในจีนเมื่อปลายปี 2562 ที่จนถึงขณะนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสมเกือบ 6.5 ล้านคน และทำให้มีผู้ติดเชื้อราว 606 ล้านคน

ทั้งนี้ WHO เผยข้อมูลการระบาดประจำสัปดาห์ล่าสุดว่า มีผู้เสียชีวิตสะสมกว่า 11,000 รายระหว่างวันที่ 5-11 ก.ย. หรือลดลง 22% เมื่อเทียบกับหนึ่งสัปดาห์ก่อน โดยจำนวนผู้เสียชีวิตลดลงในยุโรปมากที่สุดถึง 31%, เอเชียตะวันออกและเอเชียใต้ ลดลง 22%, อเมริกาลดลง 11%, แปซิฟิกตะวันตกลดลง 10% และเมดิเตอเรเนียนตะวันออกลดลง 10% แต่ในแอฟริกาเพิ่มขึ้น 10%

นอกจากนี้ ผู้อำนวยการ WHO ยังเรียกร้องอีกครั้งให้แต่ละประเทศยังต้องเฝ้าระวังต่อไป และทบทวนนโยบายและปรับปรุงให้เข้มแข็วขึ้นเพื่อควบคุมโควิด และรับมือไวรัสอื่นๆ ในอนาคต และขอให้ฉีดวัคซีนแก่กลุ่มเสี่ยงสูงให้ได้ 100% และตรวจคัดกรองหาเชื้อต่อไป 

อย่างไรก็ตาม ขณะที่การประชุมของผู้เชี่ยวชาญ WHO ครั้งต่อไปในเดือนต.ค.จะมีการพิจารณาว่า การระบาดของโควิด ยังคงเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศอีกหรือไม่  หลังจากสถานการณ์ในหลายประเทศส่วนใหญ่ผ่านพ้นระยะที่เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินไปแล้ว 

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline