ชาวรัสเซียเริ่มแข็งข้อผู้นำ กระแสต่อต้านสงครามลามทั่วประเทศ

ชาวรัสเซียเริ่มแข็งข้อผู้นำ กระแสต่อต้านสงครามลามทั่วประเทศ สืบเนื่องจากที่ก่อนหน้านี้มีรายงานจาก องค์กรด้านสิทธิมนุษยชน OVD-Info ในรัสเซียว่ามีผู้ประท้วงถูกจับกุมอีก 724 คน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา หลังจากที่มีการประท้วงใน 32 เมืองทั่วรัสเซีย ต่อต้านคำสั่งของวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ที่สั่งให้ระดมกำลังพลสำรอง 300,000 นาย เพื่อเสริมทัพทหารของรัสเซียในยูเครน โดยมีผู้ประท้วงถูกจับกุมไปมากกว่า 1,300 คนก่อนหน้านี้

 

ตามรายงายระบุว่า คนที่ออกมาประท้วงมีทั้งผู้ชายที่ได้รับคำสั่งให้เข้าไปรายงานตัวตามคำสั่งระดมกำลังพลสำรอง และผู้หญิงกับผู้สูงอายุที่ออกมาร่วมการประท้วงด้วย เพราะไม่ต้องการเห็นคนหนุ่มที่มีอนาคตต้องถูกส่งไปรบในยูเครน

ด้านสถานการณ์ตามชายแดนรัสเซียที่ติดกับเพื่อนบ้าน พบว่ายังมีผู้ชายรัสเซียจำนวนมากพยายามข้ามชายแดนเข้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพราะหวาดวิตกว่าจะถูกส่งไปรบในยูเครน อย่างที่ชายแดนจอร์เจีย ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าแถวของรถยนต์ที่ต่อคิวข้ามชายแดน มีความยาวกว่า 30 กิโลเมตรแล้ว คิดเป็นจำนวนรถยนต์กว่า 2,500 คัน

นอกจากนี้ ปูติน ยังได้ลงนามในคำสั่งเพิ่มบทลงโทษให้กับผู้ที่ไม่มารายงานตัวตามคำสั่งระดมกำลังพลสำรอง หรือทหารคนไหนที่ถูกจับได้ว่ายอมแพ้ในสนามรบ หรือหนีทัพ จะมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 10 ปี ซึ่งนักวิเคราะห์ต่างประเทศมองว่า ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่ากองทัพรัสเซียกำลังขาดแคลนทหารที่จะส่งไปรบในยูเครน

ล่าสุดดูเหมือนว่า ชาวรัสเซีย จะไม่ยอมทนอยู่เฉยอีกต่อไป เมื่อมีรายงานกระแสต่อต้านการทำสงครามในยูเครนกำลังเพิ่มสูงขึ้นในรัสเซีย หลายครอบครัวพากันอพยพไปจอร์เจียเพื่อหนีกการเกณฑ์กำลังพลสำรอง ด้านตัวเลขผู้ประท้วงทั่วประเทศที่ถูกทหารจับกุมสูงถึง 2,000 คน มีคลิปวิดีโอที่บันทึกจากดาเกสถานและเป็นไวรัลในโซเชียลมีเดีย แสดงให้เห็นผู้หญิงสวมผ้าคลุมศรีษะตะโกนไล่ตำรวจ 

อีกทั้งยังมีพวกผู้หญิงที่ออกไปประท้วงในเมืองยาคุทสค์ของไซบีเรียร้องตะโกนว่า "ไม่เอาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" และเข้าล้อมตำรวจ ส่วนการอพยพไปยังเพื่อนบ้านยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง มีภาพของคนจำนวนมากลากกระเป๋าเดินทางข้ามพรมแดนเข้าไปยังจอร์เจีย แม้แต่พันธมิตรของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ก็ยังตำหนิความล้มเหลวในการบุกยูเครน และการกวาดล้างเสรีภาพพลเรือนนับตั้งแต่สงครามเปิดฉากเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline