ผู้นำอินโดฯ โทษประตูล็อกสนามบอล ต้นเหตุโศกนาฏกรรมสะเทือนขวัญวงการลูกหนัง

ผู้นำอินโดนีเซีย โทษประตูล็อกในสนามบอล ต้นเหตุ แฟนบอลอินโดนีเซียแตกตื่นเหยียบกัน โศกนาฏกรรมสะเทือนขวัญวงการลูกหนัง

ผู้นำอินโดฯ โทษประตูล็อกสนามบอล ต้นเหตุโศกนาฏกรรมสะเทือนขวัญวงการลูกหนัง จากเหตุโศกนาฏกรรมสะเทือนขวัญวงการลูกหนังไปทั่วโลกที่อินโดนีเซีย เมื่อแฟนบอลอินโดนีเซียแตกตื่นเหยียบกัน หลังตำรวจยิงแก๊สน้ำตาเข้าสลายเหตุแฟนบอลปะทะกันในสนาม ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 125 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เสียชีวิตจากการเหยียบกัน และอาจเป็นเหตุรุนแรงในสนามกีฬาครั้งเลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งของโลก

 

ผู้นำอินโดฯ โทษประตูล็อกสนามบอล ต้นเหตุโศกนาฏกรรมสะเทือนขวัญวงการลูกหนัง

 

 

ล่าสุดมีรายงานว่า ผู้นำอินโดนีเซีย ระบุ ประตูทางออกในสนามกีฬาล็อกเป็นสาเหตุสำคัญทำให้เหตุจลาจลหลังจบการแข่งขันกลายเป็นโศกนาฏกรรมที่มีผู้เสียชีวิต 131 ราย สั่งตรวจสอบความปลอดภัยสนามกีฬาทุกแห่ง

 

โดย ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ลงพื้นที่ในเมืองมาลัง จังหวัดชวาตะวันออกเพื่อตรวจสอบสนามกีฬาที่เกิดเหตุจลาจลและเหยียบกันตาย และเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลในวันพุธ (5 ต.ค.)  หลังรายงานล่าสุดระบุมีผู้เสียชีวิต 131 รายและผู้บาดเจ็บมากกว่า 400 คนจากเหตุการณ์แฟนบอลปะทะกันในสนามทำให้ตำรวจต้องยิงแก๊สน้ำตาเข้าสลาย จนเกิดการแตกตื่นเหยียบกันตายเมื่อวันเสาร์ (1 ต.ค.) ซึ่งเป็นโศกนาฏกรรมในวงการฟุตบอลครั้งเลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งของโลก

 

ประธานาธิบดีวิโดโด ระบุต่อไปว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น คือ ประตูล็อกในสนามกีฬา และบันไดอัฒจันทร์ชันเกินไป  พร้อมกับสั่งให้มีการตรวจสอบสนามกีฬาทุกแห่งเพื่อแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับทางออก ประตู ตำแหน่งที่นั่ง และทุกสิ่ง เพื่อให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและผู้ชมเป็นอันดับแรก 

 

ผู้นำอินโดฯ โทษประตูล็อกสนามบอล ต้นเหตุโศกนาฏกรรมสะเทือนขวัญวงการลูกหนัง

นอกจากนี้เขาบอกด้วยว่า ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับจานนี อินฟานติโน ประธานสมาพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่สนามกีฬาคานจูรูฮาน และการที่อินโดนีเซียจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกเยาวชนอายุไม่เกิน 20 ปี ในปี 2023 ซึ่งทางฟีฟ่าพร้อมให้ความช่วยเหลือในการปรับปรุงการจัดการแข่งขัน และเขาเชื่อว่า จำเป็นต้องมีการประเมินทุกสิ่งอย่างละเอียด ตั้งแต่ การบริหารจัดการสนามกีฬา การจัดการแข่งขัน การควบคุมเรื่องผู้ชม เวลา และความปลอดภัย 


การลงพื้นที่ของผู้นำอินโดนีเซียมีขึ้นหลังจากมีกระแสโกรธแค้นจากครอบครัวผู้เคราะห์ร้ายและสังคม กรณีตำรวจยิงแก๊สน้ำตาทั้งในสนามและบนอัฒจันทร์ หลังจากแฟนบอลของสโมสร อาเรมา เอฟซี ที่แพ้การแข่งขันในบ้านตัวเอง วิ่งลงไปในสนามและปะทะกับแฟนบอลฝ่ายตรงข้าม ทำให้แฟนบอลแตกตื่นวิ่งกรูไปที่ประตูทางออกและเกิดการเหยียบกัน


ขณะเดียวกัน ตำรวจ ระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นจลาจล แต่ผู้รอดชีวิต กล่าวโทษว่า ตำรวจใช้กำลังเกินกว่าเหตุในการควบคุมสถานการณ์ ทั้งเตะและทุบตีแฟนบอลด้วยกระบอง  รวมทั้งผลักดันแฟนบอลให้ถอยกลับไปที่อัฒจันทร์ ซึ่งอาจมีส่วนทำให้พวกเขาเกิดการเหยียบกันและหายใจไม่ออก เมื่อมีการยิงแก๊สน้ำตา


นอกจากนี้ตำรวจ เปิดเผยว่า การสอบสวนมุ่งเน้นที่ประตู 6 ประตูโดยใช้ภาพจากกล้องวงจรปิดที่อยู่ด้านนอก และยืนยันว่า ประตูเปิด แต่เล็กเกินไป โดยออกได้ครั้งละ 2 คน ขณะที่ฝูงชนพยายามเบียดเสียดแย่งกันออกไป ผู้บัญชาการตำรวจมาลังถูกเปลี่ยนตัวแล้ว และตำรวจอีก 9 นายถูกพักงาน ส่วนอีก 19 นายถูกสอบสวน


อย่างไรก็ตาม ด้านสมาคมฟุตบอลแห่งชาติ ระบุว่า เนื่องจากสนามกีฬามีเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ และเมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับคำสั่งให้เปิดประตู ก็ไปเปิดไม่ทันเพราะผู้ชมวิ่งกรูเพื่อหนีแก๊สน้ำตากันแล้ว

ผู้นำอินโดฯ โทษประตูล็อกสนามบอล ต้นเหตุโศกนาฏกรรมสะเทือนขวัญวงการลูกหนัง

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline