- 16 ต.ค. 2565
วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ลั่นไม่เสียใจที่บุกยูเครน คุยโวเรียกทหารกองหนุนใกล้เป้าหมายแล้วยืนยันไม่เคยมีเจตนาทำลายทั้งประเทศ
ปูติน ลั่นไม่เสียใจที่บุกยูเครน คุยโวเรียกทหารกองหนุนใกล้เป้าหมายแล้ว ยังต้องจับตาอย่างเนื่องสำหรับสงครามยูเครนรัสเซีย ซึ่งหลังจาก วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ได้สั่งโจมตียูเครนอีกครั้ง โดยอ้างว่าการโจมตีหนักครั้งล่าสุดเป็นการชดเชยที่ยูเครนโจมตีสะพานเคิร์ซ ที่เชื่อมไครเมียกับรัสเซีย และการโจมตีอื่นๆ ในรัสเซีย
เกี่ยวกับเรื่องนี้มีรายงานล่าสุดว่า ประธานาธิบดีปูติน ได้เปิดเผยล่าสุดโดยกล่าวถึงสิ่งที่รัสเซียเรียกว่า ปฏิบัติการพิเศษทางการทหารในยูเครน โดยยืนยันว่าไม่เสียใจ และสิ่งที่ได้ตัดสินใจนั้นถูกต้องและถูกเวลาแล้ว ในการบุกยูเครนเมื่อเกือบ 8 เดือนก่อน
ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ระบุว่า ในเวลานี้ มีการเคลื่อนพลสำรองที่เกณฑ์มาได้ราว 220,000 คน จากเป้า 300,000 คนของกระทรวงกลาโหมแล้ว ซึ่งมี 33,000 คนที่เข้าไปประจำการหน่วยรบของกองทัพ และอีก 16,000 คนที่เข้าร่วมสู้รบแล้วด้วย
โดยการระดมพลเรียกทหารกองหนุนในครั้งนี้ประกาศมาตั้งแต่เดือนที่แล้ว ท่ามกลางสถานการณ์ที่หลายฝ่ายมองว่า รัสเซียกำลังเพลี่ยงพล้ำอย่างหนักในสมรภูมิทางตะวันออกและทางใต้ของยูเครน จนแม้กระทั่งฝ่ายรัสเซียที่สนับสนุนสงครามยูเครนยังออกมาวิพากษ์วิจารณ์ให้รัฐบาลหาทางแก้สถานการณ์ให้กลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบ
นอกจากนี้ผู้นำรัสเซียยังย้ำอีกว่า ในอนาคตอันใกล้น่าจะยังไม่มีการเรียกกำลังพลเพิ่มเติม และทหารกองหนุนทุกคนที่ถูกเกณฑ์จะได้รับการฝึกอย่างดี ท่ามกลางรายงานที่ไปในทางตรงกันข้ามว่า ทหารที่ถูกส่งไปในแนวรบแล้วได้รับการฝึกซ้อมไม่เพียงพอ และได้ยุทโธปกรณ์ที่ไม่เหมาะสม
ทว่าหลายฝ่ายยังตั้งข้อสังเกตว่า คำสั่งเรียกกำลังพลของประธานาธิบดีปูติน ไม่ได้ระบุจำนวนทหารกองหนุนที่ชัดเจน โดยมีการคาดการณ์จากสื่อรัสเซียว่า ตัวเลขการเรียกกำลังพลที่แท้จริงอาจสูงถึง 1.2 ล้านคน ซึ่งอาจรวมถึงคนไม่มีประสบการณ์ และไม่มีคุณสมบัติมากพอไปร่วมรบด้วย
ส่วนยุทธศาสตร์การรบในระยะใกล้ ประธานาธิบดีปูตินชี้ว่า รัสเซียไม่มีความจำเป็นต้องขยายวงการโจมตียูเครนด้วยการยิงขีปนาวุธแบบที่เกิดขึ้นตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อแก้แค้นที่ถูกโจมตีสะพานไครเมีย
ทั้งนี้ยังมีรายงานอีกว่า ยูเครนอ้างว่าอิหร่านส่งผู้เชี่ยวชาญจากกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลาม หรือ (IRGC) จำนวน 50 นาย ไปยังแนวหน้าในสมรภูมิทางภาคตะวันออกและภาคใต้ของยูเครน เพื่อช่วยทหารรัสเซียใช้งาน 'อากาศยานไร้คนขับ ชาเฮ็ด-136' (Shahed-136 UAVs) หรือ 'โดรนกามิกาเซ่' จำนวนหลายร้อยลำ โดยมีหลักฐานที่ยูเครนยิงโดรนชนิดนี้ตกใกล้กับเมืองมาครารีฟที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเคียฟ โดยเชื่อว่าโดรนเหล่านี้ถูกใช้การทำลายโครงสร้างสาธารณูปโภค
แม้อิหร่านจะปฏิเสธว่าไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน แต่ก็พบว่า ทหาร IRGC ได้เข้าไปที่ฐานทัพในเมืองดีซานคอยในไครเมียกับเคอร์ซัน ที่อยู่ทางใต้ของยูเครน ซึ่งแหล่งข่าวของยูเครนระบุว่าทีมฝึกของอิหร่านอย่างน้อย 1 ทีม ถูกโจมตีก่อนหน้านี้ และกำลังถูกตามล่า เพราะเกรงว่าพวกเขาจะช่วยรัสเซียโจมตีพลเรือน
ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ได้กล่าวหารัสเซียว่าใช้โดรนกามิกาเซของอิหร่านต่อเป้าหมายทางทหารและพลเรือน ซึ่งในระหว่างวันที่ 30 กันยายน ถึงวันที่ 6 ตุลาคม กระทรวงกลาโหมของยูเครนระบุว่า ได้ทำลายโดรนไป 24 ลำ ที่ถูกออกแบบมาให้บินตรงไปยังเป้าหมายและโจมตีด้วยการทิ้งตัวกระแทกเป้าหมาย โดยมีคุณสมบัติหลีกเลี่ยงเรดาร์ไม่ให้ตรวจจับได้
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline