- 25 ต.ค. 2565
ส่องทรัพย์สิน ริชชี ซูนัค นายกรัฐมนตรีอังกฤษคนใหม่เชื้อสายเอเชีย ที่ถูกจับตาว่ารวยกว่าเจ้าของวังบักกิงแฮม
ส่องทรัพย์สิน นายกรัฐมนตรีอังกฤษคนใหม่ รวยกว่าเจ้าของวังบักกิงแฮม ถือว่าไม่พลิกโผหลังจากที่ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า นายริชชี ซูนัค (Rishi Sunak) อดีตรัฐมนตรีคลัง ได้ก้าวขึ้นมารับตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีอังกฤษคนใหม่ หลังจากที่ไม่มีใครเสนอตัวเองเป็นคู่แข่งในการชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมคนใหม่ โดย เพนนี มอร์ดอนท์ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ได้ตัดสินใจถอนตัวในนาทีสุดท้าย และ บอริส จอห์นสัน อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ประกาศถอนตัวไปก่อนหน้านี้
สำหรับ ริชชี ซูนัค มีอายุ 42 ปี เขาเป็นนายกรัฐมนตรีเชื้อสายอินเดียหรือเอเชียคนแรกของอังกฤษ และเป็นนายกรัฐมนตรีที่หนุ่มที่สุดในรอบกว่า 100 ปี ด้านครอบครัวเป็นผู้อพยพจากแอฟริกาตะวันออก โดยทั้งพ่อและแม่เป็นคนเชื้อสายอินเดียที่มีฐานะร่ำรวย เคยทำงานเป็นผู้อำนวยการบริษัทกองทุนยักษ์ใหญ่ เริ่มเป็น ส.ส. ให้กับพรรคอนุรักษ์นิยมในปี 2015
แน่นอนว่าหลังจากได้รับตำแหน่ง สิ่งหนึ่งที่หลายคนจับตาก็คือ สถานะทรัพย์สินของเขา ซึ่งมีรายงานว่า ริชชี ซูนัคได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในสหราชอาณาจักร ว่ากันว่า มั่งคั่งกว่า สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ผู้เป็นเจ้าของพระราชวังบักกิงแฮมเสียอีก
สหราชอาณาจักรกำลังมีประวัติศาสตร์หน้าใหม่ เมื่อผู้พำนักอยู่บ้านเลขที่ 10 ถนนดาวนิ่ง (บ้านพักนายกรัฐมนตรี) มีฐานะมั่งคั่งกว่าองค์พระประมุข ผู้ครอบครองพระราชวังบักกิงแฮม และอีกหลายตำหนัก รวมทั้งสก็อตแลนด์ และแม้ชาวอังกฤษจะคุ้นเคยกับผู้ปกครองที่เป็นชนชั้นสูง (elite)
รวมทั้งบอริส จอห์นสัน ที่แม้จะรูปลักษณ์ภายนอกจะดูเป็นชายผมบลอนด์ยุ่งเหยิงและบุคคลิกที่ดูเหมือนคนไร้ความสามารถ แต่เขาก็มี รากเหง้า ของผู้ดี จากการที่พ่อแม่ชาวอังกฤษของเขาใช้ชีวิตอย่างหรูที่นิวยอร์ก จนกระทั่งเขาเกิดและย้ายกลับอังกฤษ เพื่อมอบการศึกษาในสถาบัน ระดับท็อป ให้แก่ลูกชาย รวมทั้ง Eton และ Oxford
ส่วนริชชี ซูนัค นายกรัฐมนตรีคนใหม่ แม้จะไม่ใช่ผู้ดีอังกฤษ และเป็นคนเชื้อสายอินเดีย แต่ฐานะของเขานั้นน่าสนใจ เพราะเขาไม่ใช่แค่ รวย แต่เป็น อภิมหารวย ที่เรียกว่า Super rich ผู้สนับสนุนเขาบอกว่า การเป็นอดีตรัฐมนตรีคลังของซูนัค และหลายปีที่เขาสร้างความมั่งคั่ง ทำให้เขามีคุณสมบัติในการนำพาประเทศที่กำลังเสียหาย ในช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายทางเศรษฐกิจ ณ เวลานี้
จากข้อมูลของ Sunday Times Rich List รายงานว่า อดีตนายธนาคารผู้นี้และภรรยา คือ อัคชาตา เมอร์ตี ทายาทของ อินโฟซิส (Infosys) บริษัทเทคโนโลยีสารสนเทศข้ามชาติสัญชาติอินเดีย มีทรัพย์สินประมาณ 730 ล้านปอนด์ (31,500 ล้านบาท) ซึ่งในปีเดียวกัน ได้มีการเปิดเผยพระราชทรัพย์ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ก่อนเสด็จสวรรคตว่าอยู่ที่ราว 370 ล้านปอนด์ (15,900 ล้านบาท) โดยรายได้ส่วนใหญ่ของทั้งคู่มาจากหุ้นในบริษัทของพ่อของเมอร์ตี
ทั้งนี้ สตรีหมายเลขหนึ่งของอังกฤษคนล่าสุด ยังเป็นเจ้าของบริษัท start-up ชื่อ Catamaran Ventures UK และยังถือหุ้นในบริษัทอื่นๆ อีกประมาณ 6 บริษัท พวกเขามีบ้านพักอย่างน้อย 3 หลัง ในอังกฤษ และบ้านที่ซานตา โมนิกา รัฐแคลิฟอร์เนีย ของสหรัฐฯ ซึ่งมีมูลค่าราว 6 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 229 ล้านบาท
ด้าน the Guardian รายงานว่า ซูนัคกับภรรยามีลูกสาว 2 คน คือ กฤษณา และอานุชกา พวกเขาใช้เวลาช่วงวันธรรมดาที่บ้านขนาด 5 ห้องนอน ในเวสต์ ลอนดอน และวันหยุดสุดสัปดาห์ที่คฤหาสน์สไตล์จอร์เจีย ที่นอร์ธ ยอร์คเชอร์ มีการปรับเปลี่ยนคฤหาสน์ให้เป็นสถานที่พักผ่อนเพื่อสุขภาพ ที่พรั่งพร้อมด้วยสระว่ายน้ำในร่ม ห้องออกกำลังกาย สตูดิโอโยคะ อ่างน้ำร้อน และสนามเทนนิส
โรเบิร์ต ฟอร์ด อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ของ University of Manchester ให้ความเห็นว่า ชาวอังกฤษส่วนใหญ่ไม่คิดว่าความร่ำรวยเป็นสิ่งไม่ดีหรือขาดคุณสมบัติ มีคนร่ำรวยจำนวนมากที่เป็นที่นิยมของสาธารณชน พวกเขาคิดเพียงว่า "เราไม่รังเกียจ ตราบใดที่พวกคุณจ่ายภาษี"
พร้อมกันนี้เรื่องภาษีก็เป็นเประเด็นให้ถูกจับตาเช่นกัน เพราะเมื่อต้นปี เมอร์ตี ภรรยาของซูนัค ตกเป็นศูนย์กลางเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับภาษี จากการที่เธอยื่นสถานะเป็น "non-domiciled resident" หรือ ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศอื่นที่ไม่ได้ลงทะเบียนเสียภาษีในประเทศนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีจากรายได้ในต่างประเทศให้สหราชอาณาจักร และการย้ายเข้าสู่บ้านเลขที่ 10 ก็เกิดขึ้นในช่วงที่เรื่องอื้อฉาวกำลังเดือดพล่านพอดี
ส่วนตัว ซูนัค เอง ก็ถูกตั้งข้อสังเกต กรณีการถือ green card ของสหรัฐฯ มาตั้งแต่ยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง แต่โฆษกของเขายืนยันว่า ได้ทำเรื่องคืนไปตั้งแต่ปีที่แล้ว ผลการสำรวจที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ กรณีให้คนทั่วไปให้คำนิยามซูนัคเพียงพยางค์เดียว และคำหนึ่งที่มีคนให้ความเห็นมากที่สุดคือ "รวย"
ภาพจาก Rishi Sunak
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline