เจ้าของเน็ตปรี๊ด เพื่อนบ้านแอบใช้ เปลี่ยนรหัสแล้วแต่เจอโน้ตข้อความเศร้า

เจ้าของเน็ตปรี๊ด เพื่อนบ้านแอบใช้ เปลี่ยนรหัสแล้วแต่เจอโน้ตข้อความเศร้า ปัญหาเพื่อนบ้านมักจะทำให้หลายๆ คนรำคาญใจไม่น้อย เพราะไม่ใช่แค่ในประเทศไทยที่มีเพื่อนบ้านไม่น่ารัก แต่ในต่างประเทศในหลายๆ เคสก็มักจะพบเจอเพื่อบ้านในลักษณะนี้เช่นกัน ทว่าในเคสนี้กลับแตกต่างออกไป เมื่อคุณลุงเจ้าของบ้านรายหนึ่งจับได้ว่ามีเพื่อนบ้านแอบขโมยใช้อินเทอร์เน็ต แต่เมื่อจัดการเปลี่ยนรหัสเข้าใช้งานกลับมีเรื่องราวที่คุณลุงต้องรู้สึกผิดเสียเอง

 

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

 

 

เรื่องราวนี้เกิดขึ้น ที่เมืองฮูฮอต เขตปกครองตนเองมองโกเลียใน ประเทศจีน เนื่องจากชายคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ในเมืองดังกล่าว จับได้ไม่นานมานี้ว่าน่าจะมีเพื่อนบ้านแอบดึงสัญญาณอินเทอร์เน็ตของเขาไปใช้ ดังนั้นเพื่อตัดปัญหาเขาจึงทำการเปลี่ยนรหัส Wi-Fi ใหม่ ทว่าหลังจากเปลี่ยนรหัสได้เพียงวันเดียวกลับมีกระดาษโน้ตมาติดที่หน้าประตูห้องเขา พร้อมของบางสิ่ง

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

ชายเจ้าของอินเทอร์เน็ตจึงอ่านข้อความที่อยู่ในกระดาษโน้ตแทบจะทันที ซึ่งข้อความดังกล่าวระบุว่า ...

"คุณลุง พาสเวิร์ดของคุณลุงถูกเปลี่ยนแล้ว ผมเลยเรียนออนไลน์ไม่ได้ พ่อแม่ผมเป็นอาสาสมัคร ที่ห้องของเราไม่มีอินเทอร์เน็ต นี่เป็นไข่ที่คุณยายผมซื้อมาฝากคุณลุง ขอบคุณครับ"

และสิ่งที่มาพร้อมกับกระดาษโน้ตดังกล่าวก็คือ ไข่จำนวนหนึ่ง ซึ่งเขามาทราบในภายหลังว่า ที่แท้ คนแอบขโมยใช้อินเทอร์เน็ต ของเขาเป็นลูกของเพื่อนบ้าน ที่มีความจำเป็นต้องเรียนออนไลน์ เมื่อรู้แบบนี้แล้วก็ทำให้เขาเสียใจที่ตัวเองทำให้เด็กเรียนออนไลน์ไม่ได้

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

เมื่อทราบดังนั้น เขาจึงเปลี่ยนพาสเวิร์ดกลับเป็นเหมือนเดิม อีกทั้งยังซื้อนมกล่องกับไข่ รวมถึงนำเงินจำนวนเล็กน้อยไปไว้ที่หน้าห้องของเด็กชาย พร้อมเขียนจดหมายบอกว่า "พาสเวิร์ดเหมือนเดิม" ด้วยความหวังว่าเด็กจะสามารถเรียนออนไลน์ได้อย่างราบรื่น

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เรื่องราวดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไปในโลกออนไลน์ แน่นอนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นทำให้ชาวเน็ตจำนวนมากรู้สึกอบอุ่นใจ กับความน่ารักและน้ำใจของชายคนนี้ แต่ขณะเดียวกันมีชาวเน็ตบางคนชี้ว่า ก่อนหน้านี้ก็เคยมีเรื่องราวที่คล้ายกันถูกนำมาเปิดเผยบนโลกออนไลน์ แต่กลายเป็นว่าเจ้าของบ้านถูกเพื่อนบ้านหลอก เพื่อที่จะใช้อินเทอร์เน็ตฟรีต่อไป

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline