- 10 ธ.ค. 2565
ชาวอังกฤษไม่พอใจหนัก ร้องถอดฐานันดรศักดิ์ แฮร์รี่ - เมแกน หลังซีรีส์สารคดี ออกอากาศทาง เน็ตฟลิกซ์ ได้แค่ 3 EP.แรก
ร้องถอดฐานันดรศักดิ์ แฮร์รี่ - เมแกน จับโป๊ะ โกหกตั้งแต่ไม่กี่วินาทีแรก ไม่มีอะไรที่ต่างไปจากการคาดเดาเท่าใดนัก หลังจากที่ 3 EP.แรก ของซีรีส์สารคดี "Harry and Meghan" ที่ถูกปล่อยโดยแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง Netflix เต็มไปด้วยเนื้อหาที่โจมตีราชวงศ์อังกฤษอย่างรุนแรง
และส่งผลกระทบต่อสหราชอาณาจักร จน ส.ส.หลายคนแสดงความไม่พอใจและเรียกร้องให้ถอดฐานันดรศักดิ์ของเจ้าชายแฮร์รี่กับชายา ขณะที่ผู้ชมจำนวนมากพากันจับผิดเรื่องโกหกตั้งแต่ไม่กี่วินาทีแรก โดยเฉพาะ "เดตแรก" ของทั้งคู่
โดยซีรีส์สารคดี "Harry and Meghan" ถูกมองว่าผลิตออกมาเพื่อโจมตีราชวงศ์วินด์เซอร์ และแม้จะปล่อยออกมาแค่ 3 EP.แต่ก็พาดพิงราชวงศ์ถึง 8 จุด ที่รวมทั้งการไม่ปกป้องเมแกนจากสื่อ และยังถามกลับด้วยว่า
"เหตุใดเมแกนจึงควรได้รับการปกป้องจากสื่อในเมื่อมันเป็นบททดสอบที่สตรีทุกคนที่เข้ามาเป็นสมาชิกของราชวงศ์ รวมทั้งเจ้าหญิงไดอานาและเจ้าหญิงแคทเธอรีนจะต้องผ่านไปให้ได้ และยังพูดถึงการตกเป็นข่าวในหน้าสื่อด้วยว่าเป็นสิ่งที่ราชวงศ์จะต้องยอมรับภายใต้กฎ 'Never Complain, Never Explain'"
เจ้าชายแฮร์รี่ได้ตำหนิการเลี้ยงดูของ "พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3" พระราชบิดา ด้วยการอ้างว่าพระสหายที่บอตสวานาคือคนที่เลี้ยงดูพระองค์อย่างแท้จริง ทั้งที่ทรงอยู่ในความดูแลของพระราชบิดามาโดยตลอด หลังการสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงไดอานา ขณะที่ทรงมีพระชนมายุเพียง 12 ชันษา แต่เจ้าชายแฮร์รี่กลับบอกว่าทรงมีครอบครัวที่ 2 อยู่ที่นั่น
ด้านเมแกนได้ยกเรื่องความบาดหมางกับเจ้าหญิงแคทเธอรีน เจ้าหญิงแห่งเวลส์ ขึ้นมาพูดด้วยว่า เธอแปลกใจที่สมาชิกในพระราชวงศ์ทำอะไรเป็นทางการไปเสียหมด ไม่ว่าจะอยู่ต่อหน้าหรือลับหลังสาธารณชน โดยยกเหตุการณ์ที่พบเจ้าชายวิลเลียมกับพระชายาเป็นครั้งแรก ที่โต๊ะเสวยพระกระยาหารค่ำที่วังเคนซิงตัน
ซึ่งเมแกนบอกว่าเธอสวมกางเกงยีนส์ขาดและไม่สวมรองเท้า เธอบอกด้วยว่าเป็นคนชอบกอด และชอบกอดมาตลอด โดยไม่รู้มาก่อนว่ามันจะสร้างความ "ระคายเคือง" ให้กับชาวอังกฤษ เธอบอกด้วยว่าเธอเริ่มเข้าใจอย่างรวดเร็วว่า "พิธีการ" ที่ใช้กันข้างนอกยังคงใช้เมื่ออยู่ในวังด้วย
เมแกนยังติติงขนบธรรมเนียมของราชวงศ์เกี่ยวกับสิ่งที่เธอต้องทำ เมื่อเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เป็นครั้งแรก และใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสมว่า เธอ "ขำ" เมื่อถูกขอให้ "ถอนสายบัว" ต่อหน้าพระพักตร์ ทั้งยังทำท่าล้อเลียนการถวายความเคารพในขณะให้สัมภาษณ์อีกด้วย
ซีรีส์สารคดีชุดนี้สร้างความไม่พอใจให้ผู้ชมชาวอังกฤษจำนวนมาก รวมทั้งบรรดา ส.ส. โดย ส.ส.บ๊อบ ซีลีย์ ของพรรคอนุรักษ์นิยม ถึงกับเรียกร้องให้ใช้กฎหมายในการถอด "ฐานันดรศักดิ์" เจ้าชายแฮร์รี่กับเมแกน ออกจากการเป็นดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซ็กซ์
เพราะนอกจากจะ "ให้ร้าย" พระราชวงศ์แล้วยังโจมตีเรื่องการปกครองเครือจักรภพ ที่สืบทอดจากสมเด็จพระราชินีนาถด้วยว่า เป็น "Empire 2.0" และยังโยง Brexit หรือการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษกับการเหยียดผิวด้วย
ซีรีย์บอกว่า Brexit เกิดจากการลงประชามติของประชาชนไม่เกี่ยวกับเรื่องเชื้อชาติ และควรนำกฎหมายถอดถอนฐานันดรศักดิ์เมื่อปี 1917 (1917 Titles Deprivation Act) มาปรับแก้เพื่อใช้ในการถอดถอนทั้งสองคน
ขณะที่ ส.ส.ทิม ลัฟตัน จากเขตเลือกตั้งในมณฑลซัสเซ็กซ์ บอกว่า เขาอยู่ที่ซัสเซ็กซ์มาเกือบตลอดชีวิต และรู้สึกอับอายที่สามี-ภรรยาคู่นี้ ซึ่งสร้างเรื่องงามหน้านี้ มีตำแหน่งเป็นชื่อมณฑลที่ยิ่งใหญ่ของเรา ถึงเวลาแล้วที่ต้องทวงชื่อคืนจากคนบางคนที่ขาดความเคารพอย่างชัดเจน
แม้เจ้าชายแฮร์รี่จะบอกว่าสิ่งที่ถ่ายทอดผ่านซีรีส์สารคดีชุดนี้ มีแต่ความจริงทั้งหมด (the full truth) แต่ผู้ชมพากันจับผิดตั้งแต่ไม่กี่วินาทีแรก โดยเฉพาะเรื่องการพบกันครั้งแรกของทั้งคู่ตลอดจนการขอแต่งงาน ที่ขัดแย้งกับการให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ โดยเจ้าชายแฮร์รี่อ้างว่าทรงขอเมแกนแต่งงานในครัวในค่ำคืนอันแสนธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษ
แต่ในซีรีส์ล่าสุดกลับบอกว่าขอแต่งงานในสวนท่ามกลางแสงเทียน หลังการหมั้นเมื่อปี 2018 ทั้งคู่ให้สัมภาษณ์ว่า พบกันผ่าน "นัดบอด" ที่เพื่อนจัดให้ แต่ในซีรีส์ กลับบอกว่าพบกันผ่านอินสตาแกรม โดยเห็นรูปกันและกันก่อนจะนัดบอด
เมแกนอ้างว่าตอนที่อยู่อังกฤษ เธอไม่สวมเสื้อผ้าที่มีสีสันเพราะไม่อยากให้เกิดการปะทะกับสีฉลองพระองค์ของสมเด็จพระราชินีนาถ และที่สำคัญเธอถูกกำกับดูแลเรื่องเสื้อผ้าด้วย โดยลืมไปว่ามีหลักฐานที่หาได้จากอินเตอร์เน็ตเวลาที่เธอออกงานของราชวงศ์ และสวมเสื้อผ้าสีสันสดใส ทั้งเขียว แดงและเหลือง
อย่างไรก็ตาม มีรายงานอีกว่า ตอนนี้ในทวิตเตอร์มีแฮชแท็กต่อต้านคู่นี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้ง #HarryandMeghanonNetflix #Disgraceful #Liars #EgoManiacs
ภาพจาก The Royal Family
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline