พี่เลี้ยงเด็กหน่วยงานรัฐทำงามหน้า ขโมยเด็กชายในความดูแลออกนอกประเทศ

พี่เลี้ยงเด็กหน่วยงานรัฐทำงามหน้า ขโมยเด็กชายในความดูแลออกนอกประเทศ กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจากเขตเมาท์เวอร์นอน เมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน ออกแถลงการณ์กรณีเด็กชายวัย 5 ขวบ โดนผู้ดูแลหญิงลักพาตัวและพาออกนอกประเทศตั้งแต่ตอนปลายเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา จนกระทั่งติดตามเจอตัวที่ประเทศเวียดนาม 

 

ตามรายงานของฝ่ายตำรวจระบุว่า ก่อนหน้านี้ แผนกดูแลสวัสดิภาพครอบครัวและเยาวชนได้มอบหมายให้ อแมนดา ดิงเจส เป็นแม่อุปถัมภ์เพื่อดูแลเด็กชาย และเมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2565 ทีมสืบสวนก็พบว่า ดิงเจส อาจจะออกนอกประเทศไปพร้อมกับ แอมเบอร์ ดิงเกส แม่ของเธอและเด็กชายในความดูแล

พร้อมกันนี้หน่วยตำรวจประจำเขตเวอร์นอน เปิดการสืบสวนโดยได้รับความสนับสนุนจากเอฟบีไอ หน่วยสืบสวนจากกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิและสำนักงานรักษาความปลอดภัยทางการทูต และต่อมาก็พบว่า สองแม่ลูกสกุลดิงเจส ได้วางแผนไว้ล่วงหน้าแล้วว่า จะหลบหนีออกนอกประเทศพร้อมกับเด็กชาย จึงมีการออกหมายจับคนทั้งสองในข้อหาเจตนาลักพาตัวบุคคลอื่น

นอกจากนี้ หลังจากสอบปากคำครอบครัวและผู้ที่เกี่ยวข้องกับสองแม่ลูก ทีมสืบสวนก็สามารถตีวงสถานที่ที่น่าจะเป็นจุดหมายในการเดินทางของหญิงทั้งสองและเด็กชาย ว่าได้แก่เมืองไถบินห์ ประเทศเวียดนาม 

กระทั่งเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2565 เจ้าหน้าที่หน่วยงานรักษาความปลอดภัยทางการทูต ได้ติดตามจนพบตัวเด็กชายในเวียดนามและช่วยเหลือออกมาอย่างปลอดภัย หลังจากนั้นก็ส่งตัวขึ้นเครื่องบินเพื่อเดินทางไปยังกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อต่อเครื่องบินกลับมายังบ้านเกิดของหนูน้อยที่เมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน จนกระทั่งเด็กชายได้พบหน้าแม่แท้ๆ ของตน เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2565

ตามข้อมูลของทางตำรวจ สองแม่ลูกสกุลดิงเจส ยังไม่โดนจับกุม แต่ยืนยันว่า ยังคงอยู่ในเวียดนาม ทีมสืบสวนกำลังดำเนินการตามขั้นตอนของการส่งผู้ร้ายข้ามแดน เพื่อนำตัวทั้งสองมาขึ้นศาลในข้อหาลักพาตัวบุคคลอื่น

 

อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจเวอร์นอนอธิบายว่า สาเหตุที่ไม่มีการแจ้งเตือนกรณีเกิดเหตุร้ายกับเด็กเล็กตามระบบแอมเบอร์อะเลิร์ตตั้งแต่แรก เนื่องจากไม่มีใครรู้ว่าการลักพาตัวเกิดขึ้นวันไหน อีกทั้งไม่พบว่า อแมนดา ดิงเจส เคยมีปัญหาเกี่ยวกับการดูแลเด็กชายมาก่อน นอกจากนี้ ยังไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่า เด็กอยู่ในอันตรายถึงแก่ชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บสาหัส 

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline