เผยปฏิบัติการลับสุดยอดพา ประธานาธิบดียูเครน สู่สหรัฐฯ

ด้วยสถานการณ์สงครามที่ยังไม่สิ้นสุด ทำให้เกิดการเยือนกรุงวอชิงตันดีซีของประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ขึ้น ทว่าการเดินทางดังกล่าวอยู่ภายใต้การคุ้มกันที่เป็นความลับสุดยอด โดยองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (NATO) เพื่อการพบกันครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างเขากับประธานาธิบดีโจ ไบเดน

 

ตามรายงานระบุว่า ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ได้รับการคุ้มกันที่เป็นปฏิบัติการลับสุดยอดโดยฝูงบินสอดแนมและเครื่องบินทหารขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (NATO) ในการเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกจากยุโรปไปยังสหรัฐฯ ที่เป็นการเยือนครั้งแรกนับตั้งแต่รัสเซียส่งทหารบุกยูเครน และไปถึงกรุงวอชิงตันดีซีเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2565 โดยปลอดภัย 

ทั้งนี้มีรายงานว่า ส่วนรายละเอียดของการเดินทาง เริ่มต้นตั้งแต่การขึ้นเครื่องบินทหาร Boeing C-40 ของสหรัฐฯ ไปยังเมืองแชชุฟ (Rzesow) ของโปแลนด์ ที่ทำหน้าที่นำเซเลนสกีออกจากยุโรปไปยังสหรัฐฯ เมื่อเวลา 08.15 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันพุธ 

แต่ก่อนหน้านั้นราว 1 ชั่วโมง เครื่องบินสอดแนม Boeing AWACS (Airborne Warning and Control) ได้ถูกส่งจากเยอรมนีไปยังทะเลเหนือรอรับเซเลนสกีจากเครื่องบินทหาร เพื่อนำเขาบินผ่านน่านน้ำที่มีเรือดำน้ำรัสเซียลาดตระเวนอยู่

ตอนที่เครื่องบินเซเลนสกีผ่านน่านฟ้าอังกฤษ มีเครื่องบินรบของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ทะยานขึ้นจากฐานทัพในสหราชอาณาจักรขึ้นไปประกบ ก่อนจะบินกลับฐานทัพที่มิลเดนฮอลล์ มณฑลซัฟฟอล์ก หลังจากเครื่องบินของเซเลนสกีเข้าสู่น่านฟ้าของสก็อตแลนด์ซึ่งในช่วงที่อยู่บนน่านฟ้าของอังกฤษ เป็นภารกิจร่วมระหว่างเครื่องบินทหาร AWACS กับเครื่องบินรบ F-15 

เพราะในทะเลเหนือมีการเคลื่อนไหวของเรือรัสเซีย เมื่อข้ามแอตแลนติกสำเร็จเซเลนสกีก็ได้เหยียบแผ่นดินสหรัฐฯ โดยปลอดภัย ที่ฐานทัพอากาศร่วมแอนดรูว์ส (JBA) ที่อยู่ห่างจากทำเนียบขาว โดยใช้เวลาในการเดินทางโดยรถยนต์เพียง 30 นาที 

และในขณะที่สหรัฐฯ คุ้มกันเขาด้วยปฏิบัติการที่เป็นความลับสุดยอด แต่เซเลนสกีกลับโพสต์อวดในทวิตเตอร์ว่า "ระหว่างทางไปสหรัฐฯ เพื่อเสริมสร้างความยืดหยุ่นและความสามารถในการป้องกันของยูเครน"

อย่างไรก็ตาม มีคนหลายหมื่นที่สามารถติดตามเที่ยวบินของเขาได้ อย่างน้อยก็ในช่วงที่เดินทางข้ามแอตแลนติก โดยเฉพาะในช่วงที่เครื่องบินปรากฎเหนือน่านฟ้ากรุงเบอร์ลินของเยอรมนีและผ่านชายฝั่งกรีนแลนด์ ก่อนจะหายไป 

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline