- 08 มี.ค. 2566
พนักงานเคว้ง โดนปลดออกจากบริษัทโดยไม่รู้ตัว ฝ่ายบุคคลก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ ตัวแทนคนจริง ทักหาถึงผู้บริหาร .. ต้องการคำตอบ
เหล่าพนักงานเคว้ง โดนปลดไม่รู้ตัว ตัวแทนคนจริง ทักหาผู้บริหาร ขอคำตอบ : เหมือนจะมีการเปลี่ยนแปลงมาตลอดตั้งแต่ที่ อีลอน มัสก์ (Elon Musk) เข้ามาเป็นเจ้าของ ทวิตเตอร์ (Twitter) อย่างเต็มตัวและล่าสุดที่กำลังเป็นที่พูดถึงอย่างหนัก เนื่องจากล่าสุดมีปัญหาเกิดขึ้นในอาณาจักรทวิตเตอร์อีกครั้ง เมื่อพนักงานทวิตเตอร์รายหนึ่งถูกไล่ออกโดยไม่รู้ตัว และแม้แต่ HR หรือฝ่ายบุคคลก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ
โดย ฮัลลี ธอร์เลฟส์สัน ผู้อำนวยการอาวุโสด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์วัย 45 ปีของทวิตเตอร์ ได้ทวีตข้อความ พร้อมแท็กหา อีลอน มัสก์ เพื่อถามว่า "ผมถูกไล่ออกแล้วใช่มั้ย?"
ทั้งนี้ ธอร์เลฟส์สัน เขียนว่า "เมื่อ 9 วันที่แล้ว (ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 26 ก.พ.) การเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ภายในบริษัทของผมถูกตัดขาด เช่นเดียวกับพนักงานคนอื่น ๆ อีกราว 200 คน อย่างไรก็ตาม ฝ่ายบุคคลของคุณไม่สามารถตอบผมได้ว่า ผมยังเป็นพนักงานอยู่หรือไม่ คุณเอง (อีลอน มัสก์) ก็ไม่ตอบอีเมลผมเช่นกัน บางทีถ้ามีคนรีทวีตข้อความนี้ไปมากพอคุณอาจจะตอบผมได้?"
หลังจากนั้น มัสก์ ก็มาทวิตกลับ ธอร์เลฟส์สัน แต่ไม่ได้ตอบคำถามข้างต้น แต่มาถามกลับว่า "คุณทำงานอะไรบ้าง?" ซึ่ง ธอร์เลฟส์สัน บอกว่า เขาพร้อมตอบ ถ้ามัสก์ยินยอมให้เปิดเผยความลับภายในองค์กรบางส่วน โดยที่มัสก์จะต้องมีทนายบันทึกคำตกลงของมัสก์ไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งซีอีโอคนใหม่ของทวิตเตอร์ก็บอกว่าคำขอของธอร์เลฟส์สันได้รับการอนุมัติแล้ว
หลังจากนั้นผู้อำนวยการอาวุโสด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ก็ร่ายยาวถึงงานที่ผ่านมาของเขาเอง ไม่ว่าจะเป็น
- การลดค่าใช้จ่ายได้ประมาณ 500,000 ดอลลาร์สหรัฐในการทำสัญญากับ SaaS (Software as a service) เจ้าหนึ่ง สัญญา SaaS หนึ่งฉบับ รองรับการปิดตัวอื่น ๆ อีกมากมาย
- เป็นหัวหน้าทีมจัดลำดับความสำคัญของโครงการออกแบบทั้งหมดของบริษัท เพื่อให้แน่ใจว่าเราสามารถทำงานได้ด้วยทีมขนาดเล็ก
- เป็นหัวหน้าทีมวิจารณ์การออกแบบ เพื่อช่วยยกระดับการออกแบบทั่วทั้งบริษัท
- ว่าจ้างผู้จัดการทีมการออกแบบทั้งหมด
- พยายามดึงบริษัทออกจากการมุ่งเน้นไปที่ผู้ใช้ที่มีความชำนาญด้านคอมพิวเตอร์ (Power User) เปลี่ยนไปโฟกัสผู้ใช้ที่อายุน้อยกว่า เนื่องจากฐานผู้ใช้ของเรามีอายุมากขึ้น
หลังจากนั้นธอร์เลฟส์สันก็บอกว่า "คำถามแรกที่ผมต้องการคำตอบคือ ผมยังเป็นพนักงานอยู่หรือไม่ เพราะทั้งคุณและฝ่ายบุคคลไม่ให้คำตอบผมซะที แต่เหลือเชื่อเลยเธอเพิ่งตอบผมเมื่อกี้นี้เองว่า ผมไม่ได้เป็นพนักงานของทวิตเตอร์อีกแล้ว!" จากนั้นเขาก็ถามคำถามต่อไปว่า "ผมจะได้เงินชดเชยตามสัญญาหรือไม่?" แต่มัสก์ก็เงียบหายไป และไม่มีใครให้คำตอบธอร์เลฟส์สันได้
จากการโต้ตอบดังกล่าว ธอร์เลฟส์สัน เล่าต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้โดยละเอียดว่า เขาเปิดคอมพิวเตอร์ในเช้าวันอาทิตย์เมื่อ 9 วันก่อน และเห็นว่าหน้าจอเป็นสีเทาและถูกล็อก ซึ่งบ่งชี้ว่าเขาถูกล็อกไม่ให้เข้าใช้งานบัญชีภายในของทวิตเตอร์ ซึ่งหลังจากผ่านไป 2-3 วัน เขาก็เริ่มสอบถามคนอื่นๆ รวมถึงอีลอนและหัวหน้าฝ่ายทรัพยากรบุคคลเพื่อถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของเขา
"หัวหน้าฝ่ายทรัพยากรบุคคลส่งอีเมลถึงผม 2 ครั้ง แค่ไม่สามารถตอบได้ว่าผมยังเป็นพนักงานของทวิตเตอร์หรือไม่" เขาระบุ
พร้อมกันนี้ ธอร์เลฟส์สันบอกว่า เดิมทีเขาเป็นผู้ประกอบการในไอซ์แลนด์ เป็นบริษัทเอเจนซีรับออกแบบเชิงสร้างสรรค์ให้กับทวิตเตอร์ชื่อว่า Ueno จากนั้นได้ขายกิจการควบรวมเข้ากับทวิตเตอร์เมื่อช่วงต้นปี 2021 และทำให้เขากลายเป็นพนักงานประจำของทวิตเตอร์แทน
"ผมตัดสินใจขายด้วยเหตุผล 2-3 อย่าง แต่หนึ่งในนั้นคือผมเป็นโรคกล้ามเนื้อเสื่อม และร่างกายของผมกำลังค่อย ๆ แย่ลง ... ผมมีเวลาทำงานเหลืออยู่ไม่กี่ปี ดังนั้นนี่จึงเป็นหนทางในการปิดบริษัทของผม เพื่อที่ผมและครอบครัวจะตั้งตัวได้เผื่อไว้สำหรับหลายปีหลังจากนี้ที่ผมอาจไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก" เขาบอก
ธอร์เลฟส์สันกังวลอย่างยิ่งว่า เขาจะไม่ได้เงินชดเชยตามสัญญาที่เขาเซ็นไว้ตอนขายบริษัทให้กับทวิตเตอร์ "นี่เป็นเรื่องที่ผมเครียดมาก นี่คือเงินเกษียณของผม เป็นทางที่ผมจะดูแลตัวเองและครอบครัวในขณะที่โรคของผมน่าจะแย่ลง ม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะยอมรับว่าคนรวยที่สุดในโลกอาจปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามสัญญา"
นอกจากนี้ เมื่อเดือนที่แล้ว ยังมีรายงานว่า อีลอน มัสก์ เพิ่งไล่พนักงานทวิตเตอร์ออกไปอีก 200 คน หมายความว่าตอนนี้ทวิตเตอร์เหลือพนักงานแต่ 2,000 คนกว่าๆ เท่านั้น
"บริษัทสามารถปลดพนักงานได้ นั่นถือเป็นสิทธิ์ของพวกเขา แต่พวกเขามักจะบอกก่อนล่วงหน้า แต่นั่นดูเหมือนจะไม่จำเป็นอีกแล้วสำหรับทวิตเตอร์ในตอนนี้" ธอร์เลฟส์สันกล่าว
อย่างไรก็ตาม เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ทำให้มีกระแสตีกลับมาที่อีลอน มัสก์ และทวิตเตอร์จำนวนมาก ผู้ใช้งานรายหนึ่งบอกว่า "ตอนนี้เขาใช้วิธีหลอกพนักงานของเขาแทนการสื่อสารกับพวกเขาด้วยความเคารพแล้วสิ เมื่อไหร่มัสก์จะลงจากตำแหน่งตามที่เขาสัญญาไว้ซะที?"