หนุ่มใหญ่เจอถุงน้ำในไตแต่เด็ก ดื้อไม่ไปเจอหมอ ผ่านมา 20 ปี อาการเริ่มออก

หนุ่มใหญ่เจอถุงน้ำในไตแต่เด็ก ดื้อไม่ไปเจอหมอ ผ่านมา 20 ปี อาการเริ่มออก : มีรายงานกรณีทางการแพทย์อันแสนน่าตกใจของชายคนหนึ่ง ซึ่งทาง นพ. ฮง หย่งเซียง ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคไต ในประเทศจีนได้ระบุว่า คนไข้ดังกล่าวอายุ 45 ปี พบถุงน้ำขนาด 1.5 ซม. ในไตขวา ขณะตรวจสุขภาพเมื่อ 20 ปีก่อน ตรวจเลือดและตรวจปัสสาวะแล้วการทำงานของไตเป็นปกติดีไม่รู้สึกอึดอัด

 

 

ก่อนหน้านี้ แพทย์บอกให้ชายคนนี้กลับไปที่คลินิกอย่างน้อยปีละครั้ง แต่เขาตรวจสอบข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตและคิดว่าถุงไตขนาดเล็กไม่ใช่เนื้องอกมะเร็งไม่จำเป็นต้องไปพบแพทย์บ่อยขนาดนั้น ทำให้ล่าสุด ผู้ป่วยมีอาการเหนื่อยตลอดเวลา ท้องบวมราวกับตั้งครรภ์ได้ 6 เดือน แถมยังมีอาการปวด คลื่นไส้ อาเจียน เหนื่อย หน้าซีด มีกลิ่นปัสสาวะ ภรรยาจึงบังคับให้ไปพบแพทย์

แพทย์ทำการตรวจเลือด แต่ตรวจพบว่าไตทำงานผิดปกติเป็นระยะของโรคไตระยะสุดท้าย ค่า urea toxin สูงมากและเอกซเรย์ทรวงอกมี pulmonary edema เล็กน้อย จึงตรงไปที่ห้องฉุกเฉิน แพทย์ได้สแกนอัลตราซาวนด์

 

ก่อนจะพบว่าไตทั้งสองข้างของเขาบวมขึ้นเป็น 2 เท่าของขนาดปกติและมีถุงน้ำขนาดต่างๆ ปกคลุมอยู่ เขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น "โรคไต polycystic ร่วมกับโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายและอาการบวมน้ำที่ปอด" เป็นเหตุให้เขาเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเพื่อล้างไตไปตลอดชีวิต

 

เมื่อได้รับคำถามว่า แค่ไตมีถุงน้ำและจำเป็นต้องล้างไต? นพ. ฮง หย่งเซียง อธิบายว่าชายผู้นี้ทนทุกข์ทรมานจากโรคร้ายแรงที่ทำลายไต "โรคถุงน้ำในไต" ซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่าเป็นไตฟอง ซึ่งมีการถ่ายทอดทางพันธุกรรมอย่างเด่นชัด ตับหรือตับอ่อน 85% มาจากพ่อแม่และโอกาสที่เด็กจะเป็นโรคนี้คือ 50% เมื่อพบแล้วควรตรวจสอบเด็กและพี่น้อง เพราะอีกร้อยละ 15 มาจากความแปรปรวนทางพันธุกรรม

โดย นพ. ฮง หย่งเซียง อธิบายว่าตุ่มแรกของโรคจะปรากฏเมื่ออายุประมาณ 20 ปี และเมื่ออายุมากขึ้นตุ่มจะโตขึ้นเรื่อย ๆ แต่มักไม่มีอาการใด ๆ หากมีอาการมากที่สุด คือ ปวดหลังส่วนล่างและปวดท้อง นอกจากนี้ ยังมีปัสสาวะเป็นเลือด, ปัสสาวะบ่อยจำนวนมาก, ปวดศีรษะ, ความดันโลหิตสูง อาการป่วยเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร รวมถึงปวดหลังส่วนล่างอย่างฉับพลัน ซึ่งอาจมีอาการตกเลือด, ก้อนนิ่ว, ก้อนอุดตัน และถุงน้ำติดเชื้อ อาการโดยเฉลี่ยจะปรากฏเมื่ออายุ 40 ปี

 

เมื่ออายุมากขึ้นอาการก็จะค่อย ๆ แย่ลง นพ.ฮง หย่งเซียง กล่าวว่ายิ่งถุงน้ำโตขึ้นนานเท่าไร ไตทั้ง 2 ข้างก็จะยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ และจะโตขึ้นเป็น 2 ถึง 4 เท่าของคนทั่วไปเมื่อช่องว่างในช่องท้องมีจำกัดจะถูกดันไปข้างหน้า ทำให้แรงดันในช่องท้องสูงขึ้นและบีบตัว จนเกิดอาการปวดหลัง ปวดท้อง และท้องขยายใหญ่ขึ้น

แต่เมื่อแผลพุพองแตกจะเกิดการติดเชื้อในปัสสาวะและมีไข้ ประมาณ 50% ของผู้ป่วยจะร่างกายเสื่อมลงจนเป็นไตวายระยะสุดท้ายหลังอายุ 50 ปี ปัจจุบันคิดเป็น 2-5% ของประชากรฟอกไตและเป็นสาเหตุที่พบบ่อยเป็นอันดับ 5 ของการฟอกไต

 

ส่วนคำถามที่ว่า มนุษย์สามารถชะลอความเสื่อมของการทำงานของไตได้อย่างไร? นพ.ฮง หย่งเซียง ชี้ให้เห็นว่าผู้ป่วยไตวายเรื้อรังทุกคนควรพยายามรักษาการทำงานของไตที่ตกค้าง ลดการทานน้ำมันและเกลือสูง, อาหารแปรรูป, เครื่องดื่มหวาน, ควรจำกัดอาหารที่มีฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และโปรตีน รวมถึงไม่ควรนอนดึก สูบบุหรี่

อีกทั้งควรดื่มน้ำเพียงพอ ไม่อั้นปัสสาวะเพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อและนิ่ว ทานโปรไบโอติกไตเพื่อชะลอความเร็วของไตวาย และน้ำมันปลาสามารถต้านการอักเสบและปกป้องการทำงานของไตที่ตกค้าง นอกจากนี้ การออกกำลังกายควรระมัดระวัง ไม่ออกกำลังกายประเภทวิ่งและกระโดดหักโหมจนเกินไป

อย่างไรก็ตาม นพ. ฮง หย่งเซียง ยังเตือนด้วยว่า หากคุณมีตุ่มไตและตรวจพบตั้งแต่อายุน้อย หากมีมากกว่าสองตุ่ม หรือหากมีตุ่มในตับพร้อมกัน คุณควรติดตามผลด้วยอัลตราซาวนด์อย่างน้อยปีละครั้ง หากตุ่มเดี่ยวที่ไม่แสดงอาการปรากฏขึ้นในวัยชรา ตราบเท่าที่ได้รับการประเมินอย่างรอบคอบโดยแพทย์และไม่มีสัญญาณของมะเร็ง ก็สามารถสังเกตได้และโดยปกติแล้วไม่จำเป็นต้องมีการรักษาพิเศษ

ที่มาจาก Ettoday