สลด คนดูแลสัตว์ซาฟารีดัง ลืมล็อกประตูป้องกรง ถูกสิงโตรุมขย้ำ

สลด คนดูแลสัตว์ซาฟารีดัง ลืมล็อกประตูป้องกรง ถูกสิงโต 3 ตัว รุมขย้ำ กว่าจะมีคนเข้าไปช่วยเหลือก็ไม่ทันการแล้ว

กลายเป็นเรื่องราวสะเทือนใจ มีรายงานข่าวเผยว่า เกิดเหตุระทึกในสวนซาฟารีที่สาธารณรัฐไครเมีย เนื่องจากพนักงานดูแลสัตว์ลืมล็อกประตูกรงด้านใน ขณะเข้าไปทำความสะอาดโซนสิงโต ทำให้พนักงานคนดังกล่าวถูกฝูงสิงโตขย้ำ ซึ่งนับเป็นเหตุฉาวล่าสุดที่เกิดขึ้นในสวนซาฟารีซึ่งมีประเด็นเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยมาอย่างต่อเนื่อง

สลด คนดูแลสัตว์ซาฟารีดัง ลืมล็อกประตูป้องกรง ถูกสิงโตรุมขย้ำ

จากรายงานระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่ ไทเกน ซาฟารี ปาร์ค สวนซาฟารีใหญ่ที่สุดในสาธารณรัฐไครเมีย เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการสอบสวนของรัสเซีย เผยว่า

พนักงานรายดังกล่าวไม่ได้ล็อกประตูป้องกันที่อยู่ด้านใน ซึ่งจะแยกเธอออกจากฝูงสิงโตในกรง ระหว่างที่เข้าไปทำความสะอาด โดยเชื่อว่าขณะนั้นมีสิงโตอยู่ในกรง 3 ตัว 

 

ขณะนี้ทางการได้เริ่มการสอบสวนทางอาญา เกี่ยวกับข้อหาประมาทเลินเล่อ แต่ยังไม่มีข้อสรุปว่าฝ่ายจัดการสวนซาฟารีหรือพนักงานคนอื่นมีความผิดหรือไม่

 

ด้าน โอเลก ซุปคอฟ เจ้าของไทเกน ซาฟารี ปาร์ค เผยว่า ผู้เสียชีวิตคือ ลีโอคาเดีย เปเรวาโลวา หัวหน้าผู้ดูแลสัตว์ ซึ่งทำงานอยู่ที่นี่มา 17 ปีแล้ว โดยนับเป็นโชคร้ายที่กว่าเขาจะไปถึงกรงสิงโต ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว "สิงโตเป็นสัตว์นักล่าระดับสูง และพวกมันก็ไม่ให้อภัยกับความผิดพลาด" แต่ที่น่าสังเกตคือ ไม่มีพนักงานคนอื่นๆ อยู่ในบริเวณดังกล่าวขณะที่เกิดเหตุ

สลด คนดูแลสัตว์ซาฟารีดัง ลืมล็อกประตูป้องกรง ถูกสิงโตรุมขย้ำ

สำหรับ ไทเกน ซาฟารี ปาร์ค เป็นสวนซาฟารีที่ตั้งอยู่บนเนื้อที่มากกว่า 189 ไร่ โดยมีสิงโตอยู่ในความดูแลประมาณ 60 ตัว และสัตว์นักล่าอื่นๆ อีกหลายตัว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สวนซาฟารีแห่งนี้ถูกทางการตรวจสอบในประเด็นเกี่ยวกับความปลอดภัย 

 

ซึ่งทางเจ้าของยอมรับว่าเขาต้องเผชิญคดีความกว่า 300 คดี เกี่ยวกับการปรับหรือตั้งข้อหาเขา แต่เขาก็มักอ้างว่าซาฟารีแห่งนี้ถูกเจ้าหน้าที่จับผิดอย่างไม่เป็นธรรม

 

อย่างไรก็ตาม ในปี 2561 นักท่องเที่ยวรายหนึ่งได้ถูกสิงโตกัดขณะเข้าไปถ่ายรูปในสวน ซึ่งทางเจ้าของปฏิเสธว่าเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับ แต่เหตุการณ์ดังกล่าวก็ทำให้เกิดการตั้งคำถามเกี่ยวกับแนวทางความปลอดภัยของสถานที่แห่งนี้

 

ข้อมูลจาก Newsweek