พีซทีวีร้องศาล ปค.คุ้มครองชั่วคราวหลังถูก กสท.สั่งปิด 30 วัน

กรณีที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ มีมติสั่งพักใช้ใบอนุญาตสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่องพีซ ทีวี เป็นเวลา 30 วัน

เริ่มกันที่กรณีที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ มีมติสั่งพักใช้ใบอนุญาตสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่องพีซ ทีวี เป็นเวลา 30 วัน โดยให้มีผลบังคับในวันที่ 10 ก.ค.นี้เป็นต้นไป เนื่องจากมีการออกอากาศเนื้อหาขัดคำสั่งประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ขณะเดียวกันกับกรณีดังกล่าวทางนปช.กลับมองว่า เป็นการมุ่งหวังปิดกั้นไม่ให้มีการแสดงความคิดเห็นในช่วงก่อนวันลงประชามติวันที่ 7 ส.ค.

โดยที่ประชุม กสท.มติดังกล่าวมีขึ้นหลังมีการร้องเรียนให้ตรวจสอบการออกอากาศของช่องรายการพีซทีวี ประจำเดือน มี.ค.59 ว่ามีเนื้อหาไม่เหมาะสม ประกอบด้วยรายการ "เข้าใจตรงกันนะ" วันที่ 21 มี.ค. เวลาประมาณ 19.00 น. รายการ "เข้มข่าวดึก" เมื่อวันที่ 24 มี.ค. เวลาประมาณ 00.19 น. และรายการ "ห้องข่าวเล่าเรื่องค่ำ" เมื่อวันที่ 28 มี.ค. เวลาประมาณ 19.45 น. และเนื้อหารายการ "เข้มข่าวดึก" ออกอากาศเมื่อวันที่ 11 มี.ค. เวลาประมาณ 00.11 น.

ทั้งนี้มีความเห็นดังต่อไปนี้

1.การออกอากาศรายการดังกล่าวเป็นการกระทำที่แยกต่างหากจากการกระทำและการมีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ช่องรายการพีซทีวี ซึ่งศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวในคดีปกครองหมายเลขดำที่ 1163/2558 การพิจารณาในการกระทำครั้งนี้จึงต้องดำเนินการพิจารณาให้เป็นไปตามกระบวนการและขั้นตอนตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

2.เมื่อข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในเอกสารวาระการประชุมที่สำนักงาน กสทช.เสนอ พบว่าการดำเนินการในครั้งนี้ต่อช่องรายการพีซทีวี ได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง และเชิญบริษัท พีซ เทเลวิชั่น จำกัด ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ช่องรายการพีซทีวี พร้อมทั้งผู้แทนของฝ่ายความมั่นคง ผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และผู้แทนคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน มาให้ข้อเท็จจริงและความเห็นประกอบการพิจารณาของคณะอนุกรรมการด้านผังรายการและเนื้อหารายการด้วยแล้ว และคณะอนุกรรมการด้านผังรายการและเนื้อหารายการ มีความเห็นเสนอต่อที่ประชุม กสท.เพื่อให้เพิกถอนใบอนุญาตของช่องพีซทีวี

แต่ที่ประชุม กสท.เสียงข้างมากเห็นว่า การกำหนดโทษทางปกครองควรต้องคำนึงถึงหลักความได้สัดส่วนของการกระทำและความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการกระทำนั้น กล่าวคือเมื่อปรากฏว่าผู้แทนฝ่ายความมั่นคง และผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ความเห็นว่า การเผยแพร่รายการดังกล่าวมีลักษณะเข้าข่ายเป็นการกระทำที่ขัดกับประกาศ คสช.ฉบับที่ 97/2557 ฉบับลงวันที่ 18 ก.ค.2557 เรื่อง การให้ความร่วมมือต่อการปฏิบัติงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติและการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะ ประกอบกับประกาศ คสช.ฉบับที่ 103/2557 ลงวันที่ 21 ก.ค.2557 เรื่องแก้ไขเพิ่มเติมประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 97/2557 และขัดต่อบันทึกข้อตกลง (MOU) ที่บริษัท พีซ เทเลวิชั่น จำกัด ทำกับสำนักงาน กสทช. ซึ่งเป็นเงื่อนไขการประกอบกิจการโทรทัศน์

กรณีนี้จึงเป็นการขัดต่อเงื่อนไขการประกอบกิจการโทรทัศน์ ตามข้อ 14 (27) ของประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตการให้บริการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ พ.ศ.2555 และได้มีคำสั่งแจ้งเตือนให้ช่องรายการพีซทีวีแก้ไขการกระทำในลักษณะดังกล่าวมาแล้วหลายครั้ง แต่ช่องรายการพีซทีวีไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้น และยังคงฝ่าฝืนคำสั่งดังกล่าวเรื่อยมา ดังนั้นจึงเห็นควรให้มีคำสั่งพักใช้ใบอนุญาต และหากยังคงฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าวอยู่อีก กสท.จะใช้มาตรการทางปกครองที่สูงขึ้นต่อไป

ขณะที่ นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการกสทช. กล่าวว่า ตนได้สอบถามประเด็นดังกล่าวไปยังฝ่ายกฎหมายของ กสทช. แล้วพบว่าสามารถดำเนินการระงับใบอนุญาต พีซทีวี เป็นเวลา 30 วันได้ เนื่องจากความผิดที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ถือเป็นความผิดที่เกิดขึ้นใหม่ เป็นคนละกรณีเดิมที่นำไปสู่การเพิกถอนใบอนุญาตในครั้งก่อน เพราะเป็นคละประเด็นกัน และหาก พีซทีวี ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งดังกล่าว สามารถใช้สิทธิ์ฟ้องร้องต่อศาลปกครองได้

หลังจากที่ประชุมมีมติออกมา ก็ทำให้ฝั่งนปช.มองว่า การที่ กสทช. สั่งปิด พีซทีวี เป็นไปเพื่อวางแผนไม่ให้นปช.ใช้ช่องทางในการสื่อสารกับคนเสื้อแดงหรือไม่ ซึ่งในวันนี้ พีซทีวี ยื่นคำร้องต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้ไต่สวนการละเมิดคำสั่งให้ทุเลาการบังคับคดีตามคำสั่งทางปกครอง

นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. ในฐานะผู้บริหารบริษัท พีซ เทเลวิชั่นจำกัด พร้อมด้วยพิธีกรช่องพีซทีวี ยื่นคำร้องต่อศาลปกครอง ซึ่งระบุว่า กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ กสทช.เคยมีมติให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการของช่องรายการพีซ ทีวี ไปเมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2558 และคดีดังกล่าวยังคงอยู่ในชั้นศาล แต่ศาลปกครองได้มีคำสั่งทุเลาให้ช่องพีซ ทีวี สามารถออกอากาศได้จนกว่าคดีจะสิ้นสุด ดังนั้นการที่ กสทช.มีมติสั่งพักใช้ใบอนุญาตจึงไม่สามารถทำได้ เพราะ กสท.ได้เพิกถอนใบอนุญาตดังกล่าวไปแล้ว และตนเห็นว่ากรณีนี้ กสทช.กระทำการละเมิดคำสั่งศาลที่มีคำสั่งทุเลาให้ช่องพีซ ทีวีออกอากาศหรือไม่ และเข้าข่ายละเมิดอำนาจศาลที่จะมีความผิดตามกฎหมายด้วยหรือไม่

นพ.เหวง กล่าวต่อว่า ส่วนตัวคิดว่า กสทช.สับสนในการใช้อำนาจ เพราะมีการเพิกถอนใบอนุญาตของพีชทีวีไปแล้ว และเมื่อไปขอต่อใบอนุญาต ทาง กสทช.ก็บอกว่าไม่สามารถดำเนินการได้ ต้องรอผลการดำเนินคดีของศาลให้เสร็จสิ้นก่อน แต่กลับมามีคำสั่งพักการใช้ใบอนุญาตอีกได้อย่างไร นอกจากนี้ตามประกาศ คสช. ที่ 97 และ 103 รวมถึงบันทึกข้อตกลงที่พีซ ทีวีทำกับ กสทช.ให้อำนาจ กสทช.ในการดำเนินการระงับ เฉพาะรายการที่ กสทช.เห็นว่ากระทำผิดเงื่อนไขเท่านั้น ไม่ได้ให้อำนาจ กสทช.ในการเพิกถอนใบอนุญาตของสถานี

ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นกับพีซ ทีวี ตนเชื่อว่ามีความเกี่ยวข้องกับ คสช. เพราะการให้การสั่งพักใบอนุญาตควรจะมีผลตั้งแต่ 24.00 น.ของวันที่ 4 ก.ค. แต่การที่ให้มีผลวันที่ 10 ก.ค. เหมือนเป็นความจงใจให้ระยะเวลาครอบคลุมในช่วงที่กำลังจะมีการออกเสียงประชามติ เพื่อที่จะให้พีซ ทีวี ไม่สามารถนำเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญได้ ถือเป็นการปิดปากทำลายการรับรู้ของประชาชน ยิ่งเมื่อรัฐบาลมีการจัดตั้งศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อยการออกเสียงประชามติ ที่มีโครงสร้างคล้ายกับศูนย์ปราบโกงประชามติของ นปช. ที่รัฐบาลไม่ให้มีการดำเนินการ เมื่อต่อภาพจิ๊กซอว์เหล่านี้แล้วแสดงให้เห็นว่า คสช.ต้องการให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่าน เพื่อที่จะได้สืบทอดอำนาจต่อไป

ด้านนางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานที่ปรึกษา นปช.กล่าวว่า กรณีปิดพีซทีวีโดยเชิญฝ่ายต่างๆ มาให้ข้อเท็จจริง เพราะพยายามทำให้เกิดความชอบธรรม การเชิญฝ่ายกฎหมาย คสช. ฝ่ายกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ (กสม.) และผู้แทนกฤษฎีกามาขอความเห็น แต่ตัวแทนกฤษฎีกาบอกว่าอาจผิดเงื่อนไขศาลปกครองให้ความคุ้มครองชั่วคราวนั้น ถ้าผิดก็ต้องไปยื่นต่อศาลให้เพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว แต่อาจจะคิดว่าทำอะไรก็ได้หรือไม่ ส่วนตัวแทน กสม.บอกว่าถ้าเรื่องถึงศาล กสม.จะล้วงลูกไม่ได้ ดังนั้น จึงอยากให้ว่ากันตามระบบของศาลปกครอง

สำหรับประเด็นนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่า คำสั่งปิดดังกล่าว เป็นเรื่องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และในวันนี้ จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติก็ได้ออกมา Facebook live ถึงกรณี สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่องพีซ ทีวี  ถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาต เป็นเวลา 30 วัน โดยให้มีผลบังคับในวันที่ 10 ก.ค.นี้เป็นต้นไป เนื่องจากมีการออกอากาศเนื้อหาขัดคำสั่งประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ