รอผลกรรมเลย!!! ยังไม่สำนึก 7 โจ๋ฆ่าคนพิการ...ปฏิเสธทั้งๆ ที่ภาพหลักฐานคาตา จะว่ายังไงถ้าโทษหนักถึงขั้นประหารชีวิต (ชมคลิป)

สืบเนื่องจากเมื่่อช่วงเช้าของวันที่ 1 พฤษภาคม 2559 ได้มีเหตุการณ์วัยรุ่น 7 คน เข้ารุมทำร้ายร่างกายชายพิการส่งขนมปัง โดยพวกจำเลยได้บุกเข้าไปในบ้านพักของสมเกียรติ ศรีจันทร์ อายุ 35 ปี ชายพิการ อาชีพส่งขนมปังร้านปังหอม บริเวณซอยโชคชัย 4 แขวงและเขตลาดพร้าว แล้วใช้อาวุธมีดแทงฟันนายสมเกียรติ จนถึงแก่ความตาย โดยวานนี้ นางทองคำ ศรีจันทร์ มารดาของนายสมเกียรติ ซึ่งเข้าเป็นโจทก์ร่วมเดินทางมาศาลอาญาพร้อมด้วย นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ รวมถึง ญาติและผู้มาให้กำลังใจกว่า 20 คน ขณะศาลเบิกตัวจำเลยทั้ง 7 มาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลาง

ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2559 ที่ห้องพิจารณาคดี 903 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดตรวจพยานหลักฐาน คดีที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 9 นำมาโดยทนายอนันต์ชัย ซึ่งรับอาสามาทำคดีนี้ จนกลายเป็นคดีที่โด่งดัง กระบวนการในการพิจารณาคดีของศาล เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง
นายพีรพล หรือเปา ยศพงศ์อนันต์ อายุ 21 ปี
นายอัครเดช หรืออั๋น ทัศนะ อายุ 22 ปี
นายมนต์มนัส หรือเต้ย แสงโพธิ์ อายุ 21 ปี
นายจตุพร หรือเบียร์ จันทร์โสภา อายุ 18 ปี
นายเมฆ พลไกรษร อายุ 19 ปี
นายอรินทร์หรือเตอร์ ยศพงศ์อนันต์ อายุ 19 ปี
และ น.ส.ณัฐณิชา หรือเกม ฤทธิ์ล้ำเลิศ อายุ 18 ปี
เป็นจำเลยที่ 1-7 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ร่วมกันบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธและร่วมกันพกพาอาวุธมีดไปในเมืองฯ โดยไม่มีเหตุอันควร

ซึ่งวันนี้ศาลได้สอบคำให้การจำเลยทั้ง 7 ซ้ำอีกครั้ง โดยจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธขอต่อสู้คดี โดยในวันนี้ฝ่ายโจทก์ขอศาลนำพยานเข้าเบิกความจำนวน 24 ปาก ส่วนจำเลยขอนำพยานเข้าเบิกความ 12 ปาก ศาลพิจารณาแล้วอนุญาต และให้กำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ปากแรกในวันที่ 18 กรกฎาคม 2560

นายอนันต์ชัย ให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าวถึงความมั่นใจในคดีนี้ ว่าศาลได้ให้โอกาสสอบคำให้การจำเลยซ้ำอีกครั้ง แต่จำเลยก็ยังให้การปฏิเสธต่อสู้คดี โดยอ้างเหตุต่อสู้คดีในเรื่องของการทะเลาะวิวาท ซึ่งตนก็ยินดีที่จำเลยให้การปฏิเสธเพราะจะเป็นผลดีต่อผู้เสียหายและการพิสูจน์ความจริง เพราะหากจำเลยรับสารภาพตอนนี้ศาลก็จะต้องลดโทษลงกึ่งหนึ่ง อีกทั้งจำเลยอาจจะได้ลดโทษเนื่องจากเป็นเยาวชน แต่เมื่อจำเลยไม่ลดโทษหากศาลตัดสินมาก็จะต้องรับโทษเต็มตามที่ศาลมีคำพิพากษา ส่วนหากจำเลยมาเปลี่ยนกลับคำให้การในภายหลังจากที่มีการสืบพยานไปแล้วศาลก็อาจจะไม่ลดโทษให้ได้เนื่องจากเป็นการรับสารภาพโดยจำนนต่อพยานหลักฐาน

เมื่อถามว่า ในส่วนของจำเลยที่เป็นผู้หญิงให้การปฏิเสธโดยอ้างว่าไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ นายอนันต์ชัย กล่าวว่าในวันนี้ตนได้นำพยานหลักฐานใหม่ที่ปรากฏภาพจำเลยผู้หญิงเดินเข้าหากลุ่มจำเลยผู้ชายทั้ง 6ขณะก่อเหตุ ซึ่งในวันที่ 18 กรกฎาคม จะขึ้นเบิกความเป็นพยานโจทก์ปากแรกด้วยตัวเอง และการพิจารณาในคดีนี้ศาลได้นัดสืบพยานโจทก์จำเลยต่อเนื่องเสร็จสิ้นในเดือน กรกฎาคม 2560 จึงคาดว่าคดีจะมีคำพิพากษาภายในปี 2560 ส่วนในเรื่องความเสียหายทางแพ่ง ญาติผู้เสียหายได้เข้าเป็นโจทก์ร่วมเพื่อเรียกค่าเสียหายแก่จำเลยทั้ง 7 คนประมาณ 1ล้านบาท

 

ข้อมูลจากรายการ สด ลึก จริง

รายงานโดย ภัทราพร สำนักข่าวทีนิวส์