ย้อนวันวานฟังคำเตือน "ถวิล เปลี่ยนศรี" ถึง "ธาริต เพ็งดิษฐ์" ถูกไล่ออกขรก. ฉากสุดท้ายกิ้งกือตกท่อ

ย้อนวันวานฟังคำเตือน "ถวิล เปลี่ยนศรี" ถึง "ธาริต เพ็งดิษฐ์" ถูกไล่ออกขรก. ฉากสุดท้ายกิ้งกือตกท่อ

ภายหลังที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) แจ้งมติให้ผู้บังคับบัญชาสูงสุดของ "ธาริต เพ็งดิษฐ์" ในตำแหน่งที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ไล่ออกจากราชการ โดยป.ป.ช.แจ้งฐานความผิดฐานร่ำรวยผิดปกติและถูกอายัดทรัพย์ ซึ่ง "พล.อ.วิลาส อรุณศรี" เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ออกมาคอนเฟิร์มว่าสลน.ได้ไล่ "ธาริต" ออกจากราชการตั้งแต่วันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา
 

หากยังจำกัน "ธาริต" เคยร่วมสู้ศึกเหตุการณ์ชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี 2553 ในยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยจัดตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ซึ่งศอฉ.ในขณะนั้นมี "พล.อ.ประยุทธ์ จันท์โอชา" นายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการ รวมถึง "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" รองนายกรัฐมนตรี เคยเป็นรองผอ.ศอฉ. แถมยังมี "พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา" รมว.มหาดไทย เคยเป็นกรรมการศอฉ. และยังมี "สุเทพ เทือกสุบรรณ" เป็นผอ.ศอฉ ที่สำคัญมี "ธาริต" ในฐานะอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นั่งเป็นกรรมการอยู่ด้วย โดยศอฉ.อาศัยกลไกอำนาจของดีเอสไอ ออกมาตรการดำเนินการกับนปช.หลายเรื่อง ซึ่ง "ธาริต" สู้ถวายหัว จนผู้มีอำนาจใจศอฉ.รู้สึกเห็นใจ  แถมขั้วตรงข้ามอย่าง "ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง" ขู่จะย้ายออกจากตำแหน่งภายใน 24 ชั่วโมง หากได้กลับมาเป็นรัฐบาล แต่สุดท้ายเกมก็เปลี่ยน เมื่อ "พรรคเพื่อไทย" เข้ามาเป็นรัฐบาลในปี 2554 กลับเก็บตัว "ธาริต" ให้อยู่ในตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ โดยมีโจทย์ให้รื้อคดีที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมของนปช.เมื่อปี 2553 มาทำสำนวนใหม่ทั้งหมด พ่วงด้วยการตั้งข้อหา "อภิสิทธิ์-สุเทพ" ใหม่ ทำให้ตัว "ธาริต" ถูกมองว่าเปลี่ยนสี

"ถวิล เปลี่ยนศรี" อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เคยให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวไทยพับพลิก้าว่า "คนที่ใช้ธาริตทำงานนี้ใจดำจริงๆ อำมหิตมากเลย โทษทีนะ ขยับซ้ายก็โดนอีกฝ่ายด่า ขยับขวาก็โดนอีกฝ่ายด่า ถ้าผมเป็นธาริตนะ ผมไม่ทำคดีนี้ล่ะ ถ้าอยู่ไม่ได้ก็ลาออก ย้ายไปที่อื่น ไปเป็นผู้ตรวจ เป็นรองปลัด ไม่เอาแล้วอธิบดีดีเอสไอ"

"คือมัน…มนุษย์มันไม่ได้น่ะ มันเดินหน้าแล้วถอยหลัง เดินหน้าแล้วถอยหลัง แล้วต่อไปข้างหน้าแกก็จะถูกข้อหาว่าเป็นมนุษย์หรือเปล่า มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ นะ นี่ไม่ได้รังเกียจธาริตเลยจริงๆ ผมมีความสัมพันธ์ที่ดีกับธาริต เห็นอกเห็นใจมากด้วย ยังคิดเลยว่าถ้าธาริตไม่มาช่วยเอาไว้อย่างนั้นคงยังต้องเหนื่อยกันอีกเยอะ ยังเคยคุยกับบรรดาแม่ทัพนายกองว่านี่ถ้าเราไม่ได้ธาริต เรายังต้องเหนื่อยสะเปะสะปะกันอีกเยอะ"

ปฏิเสธไม่ได้ว่าในช่วงปีรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็น "ธาริต" ที่ยังคงมีอำนาจล้นมือ ขณะที่ขุนพลศอฉ.กลับนิ่งอยู่ในที่ตั้ง โดนโจมตีตั้งข้อหาจากมือ "ธาริต" เอง ที่ใช้อำนาจเล่นงานอดีตพวกพ้อง

"ถวิล" เคยให้สัมภาษณ์ไว้อีกว่า "ผมสงสารธาริต เพราะเขาไปดึงมา อ้าวเอ็งผูกไว้ เอ็งมาแก้ คนเราจะเดินหน้าพร้อมถอยหลังได้อย่างไรล่ะ เมื่อวานยังเดินหน้า วันนี้มาถอยหลัง มันก็เท่ากับให้แกไปสวนกับความเป็นมนุษย์ เพราะมนุษย์โดยทั่วไปไม่ใช่อย่างนี้ พอเขาบอกให้ถอยหลัง ก็เลยเอามือเดินต่างเท้าไป มันทำให้แกดูตลก 

"คนที่ทำอย่างนี้ไม่รู้ใครล่ะ ใจดำมาก พูดจริงๆ ว่าผมสงสารแก ในกลุ่มเสื้อแดงก็เชิดชูว่าเป็นวีรบุรุษ แต่คนเราเป็นวีรบุรุษพร้อมกันหลายสนามไม่ได้หรอก ไม่รู้แกตั้งใจอย่างไร อาจจะมั่นใจในการทำงาน มั่นใจในข้อกฎหมาย แต่ผมมั่นใจว่ากิ้งกือตกท่อ จำได้ไหมว่าคนว่ายน้ำเป็นตายเพราะจมน้ำ รถคว่ำทางเลียบ ไม่ใช่ทางชัน อันนี้ก็เหมือนกัน ที่สุดก็จะสะดุดขาตัวเอง สะดุดวิชาชีพตัวเอง อาจต้องเสียท่าในแง่มุมของกฎหมายซึ่งถือเป็นจุดเด่นของแกในการทำงาน เมื่อเดินสวนไปสวนมาอย่างนี้ มันก็มีสักวันที่พลาด แล้วคนก็จะบอกว่านี่เป็นเพราะเวรกรรม"

จากวันนั้นถึงวันนี้ชายชื่อ "ธาริต" ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นศัตรูกับนปช.-คนเสื้อแดง และครึ่งหนึ่งกลับมารับใช้พรรคเพื่อไทย-นปช.-คนเสื้อแดง ก็เสมือนกึ้งกือตกท่ออย่างที่ "ถวิล" ได้เปรียบเทียบไว้

คดีที่ฟ้องร้องสู้กันในศาลหลายสิบคดี แถมยังมาถูกไล่ออกจากราชการที่ทำงานมาเกือบทั้งชีวิต เส้นทางชีวิตของ "ธาริต" อาจจะเป็นบทเรียนให้ใครหลายคนได้ศึกษาเป็นอย่างดี