แฟนเพจเฟซบุ๊ค เม้าท์กระจาย ได้โพสต์ข้อความ วิจารณ์ การทำงานของโค้ชโย่ง วรวุธ ศรีมะฆะ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยฟุตบอลชาย ชุดซีเกมส์ ครั้งที่ 29

โค้ชโย่ง ดีพอสำหรับทีมชาติไทยจริงหรือ??? ไร้กึ๋น ขาดความเป็นมืออาชีพ ไร้วุฒิภาวะ สมาคมปล่อยไปแบบนี้ ระวังมีแต่พัง

วันที่ 2 กันยายน 2560 แฟนเพจเฟซบุ๊ค เม้าท์กระจาย ได้โพสต์ข้อความ วิจารณ์ การทำงานของโค้ชโย่ง วรวุธ ศรีมะฆะ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยฟุตบอลชาย ชุดซีเกมส์ ครั้งที่ 29 ที่ประเทศมาเลเซีย โดย ได้เขียนข้อความไว้ดังนี้....

 

คิดเหมือน@มิน ไหม ถึงแม้ว่าเราจะได้เหรียญทองซีเกมส์ ฟุตบอลชาย ครั้งนี้มาครอง แต่ ไม่รู้สึกประทับใจกับการทำงานภายใต้การคุมทีมของโค้ชโย่งเลยแม้แต่นิดเดียว เด็กรุ่นนี้ทำงานในสโมสรต้นสังกัดถือว่ามีผลงานดีเลยทีเดียว แต่มาเล่นทีมชาติ กลับเป็นว่าผลงานไม่หวือหวา @มิน ไม่โทษเด็กนะ แต่เพราะโค้ช ไร้กึ๋น ในการทำทีมเสียมากกว่า และที่สำคัญ ไม่เคยเห็นโค้ช ยอมรับเลยสักครั้งว่าความผิดพลาดทุกเรื่องที่เกิดขึ้น กับทีม ว่ามันเกิดจากโค้ช แต่มักจะโยนความผิดไปให้เด็ก ดูแล้วไร้วุฒิภาวะ ขาดความเป็นมืออาชีพ @มิน จะแยกให้เห็นทีละเรื่อง จะได้ชัดเจน ใครเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย ก็ตามใจ แต่ @มิน อยากระบาย เห็นแล้วมันขัดหู ขัดตา ถ้าปล่อยไป เชื่อว่าทีมชาติชุดนี้ไปไหนได้ไม่ไกล ยิ่งต้องไปแข่งระดับเอเชียแล้ว กลัวว่าจะเละเทะมากกว่านี้ นี่ขนาดเจอกับทีมในอาเซียนด้วยกัน ยังเอาตัวแทบไม่รอด กว่าจะชนะแต่ละนัด หืดขึ้นคอ พอได้แชมป์ โค้ชยังให้สัมภาษณ์ แบบสะใจ ได้ตอกหน้านักวิจารณ์ ว่า “กู-ทำ-ได้” ลืมไปไหมว่าที่ได้ประตูมา จากความผิดพลาดของคู่แข่ง แล้วได้วิเคราะห์ไหมว่าการทำทีมของโค้ช ห่วย แค่ไหน หลังจากได้ประตู ปล่อยให้เด็กโยนบอลทิ้งขว้าง เล่นบอลตั้งรับ จน @มิน นั่งเชียร์ให้โดนยิงสักประตู จะได้รู้ว่า โค้ช จะทำอย่างไรต่อ

มาเริ่มกันเลยดีกว่า กับสิ่งที่ @มิน เห็นแล้วว่ามันไม่ปกติในการทำงานของโค้ชโย่ง

 

  1. ขาดการทำการบ้านและความเข้าใจในตัวผู้เล่น ยกตัวอย่างกรณี พี ศศลักษณ์ ผู้เล่นเบอร์ 2 ที่ปรกติในสโมสรจะเล่นตำแหน่งปีกซ้ายและทำผลงานได้ดีมาโดยตลอด แต่ถ้าจำกันได้ในซีเกมส์นัดแรกที่เจอกับอินโดนีเซีย หรือในการแข่งขันรอบคัดเลือก AFC โค้ชโย่งเปลี่ยนตำแหน่ง ศศลักษณ์ ไปเล่นในตำแหน่งปีกขวาซึ่งไม่มีความชำนาญ ทำให้ในนัดแรกหลังการแข่งขัน ศศลักษณ์ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในสื่อโซเชียล อนาคตของเด็กดีๆแทบดับสิ้น ก็ไม่รู้ว่าเพราะโค้ชเฮงมาช่วยดูให้หรืออย่างไร เพราะตั้งแต่แกบินตามมาสมทบทีม ศศลักษณ์ก็ได้เปลี่ยนกลับมาเล่นในตำแหน่งที่ตนเองถนัด หลังจากนั้นก็ต้องบอกว่าฉายแววทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจนกลายเป็นที่โปรดปรานของบรรดาแฟนบอล

  2. ขาดภาวะความเป็นผู้นำ หลังจบจากเกมส์นัดที่ 2 ที่เจอกับติมอร์ เลสเต้ ผลงานถึงแม้นัดนั้นจะชนะเก็บคะแนนได้ครบ 3 แต้มแต่ถ้าพูดถึงความพอใจของประตูที่ได้กับรูปเกมส์ที่ปรากฏ ก็คงต้องบอกว่าไม่เป็นที่ต้องตาจากแฟนบอลชาวไทยอยู่ดี แต่แทนที่โค้ชจะออกมาให้สัมภาษณ์ยืดอกรับไปแบบแมนๆ เลยว่าเป็นความผิดตนเองแต่จะนำไปปรับปรุงแก้ไข แสดงให้เห็นถึงสปิริตผู้นำและความเป็นผู้ใหญ่ แต่กลับกลายเป็นโยนความผิด วิจารณ์ผู้เล่นภายในทีมของตนเองออกสื่อ นำพาความกดดันและความคับข้องน้อยใจไปไว้ที่ผู้เล่นในทีมแทน ทั้งๆที่นักเตะรุ่นนี้ถึงแม้จะใช้ชื่อชุดว่ายู 23 แต่ปีนี้มาเลเซียเจ้าภาพตัดอายุ กำหนดอายุผู้เล่นใหม่ให้ไม่เกิน 21 ปี จึงนับว่าผู้เล่นแต่ละคนอายุยังน้อยนักแต่ต้องแบกรับความกดดันจากคนทั้งประเทศและจากโค้ชที่ไม่เคยแม้เอ่ยปากปกป้องนักเตะภายในทีมตนเอง

     

  3. เป้าหมายต่อไปของชุดยู 23 จะต้องไปแข่งขันระดับเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นชิงแชมป์เอเชียและเอเชี่ยนเกมส์ที่จะมีขึ้นในปีหน้า ถ้าดูจากผลงาน รูปเกมส์ของโค้ชที่ผ่านมาในแต่ละนัดในซีเกมส์คราวนี้ ถึงแม้จะจบด้วยชัยชนะเหรียญทองแต่ถ้าดูจากบรรยากาศคอมเมนท์ในสื่อโซเชียลจะเห็นว่าเป็นแชมป์เหรียญทองที่คนไทยไม่ภูมิใจซักเท่าไหร่ คนไทยส่วนใหญ่แค่สะใจที่เอาชนะเจ้าภาพขีโกงอย่างมาเลเซียได้ โดยเฉพาะที่เสือเหลืองเจ้าภาพทำพิษแพ้ภัยตัวเอง แต่ถ้ามองเป้าหมายต่อไปที่การแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย ถึงแม้ไทยเราเองคงไม่คาดหวังได้ที่ 1 ในการแข่งขันแต่ก็เชื่อว่าแฟนบอลไทยคงอยากเห็นรูปแบบเกมส์ที่สวยงาม แทคติกการเล่นที่ก้าวข้ามระดับอาเซียนเพื่อให้เราขยับเข้าใกล้หรือทัดเทียมระดับเอเชีย แต่ทรงบอลแบบนี้คงต้องตั้งคำถามตัวโตๆฝากไปยังสมาคมบอลและผู้มีอำนาจตัดสินใจว่าได้เล็งเห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้นมั้ยและจะแก้ปัญหาอย่างไร แฟนบอลไทยสมัยนี้ก็ดูบอลเป็นนะครับ ได้เหรียญทองซีเกมส์เราก็ดีใจแต่ถามว่าผลงานที่ได้ถูกใจหรือไม่คำวิจารณ์ในโซเชียลคงบอกท่านทั้งหลายหมดแล้ว ก็ได้แต่หวังว่าสมาคมจะตัดสินใจเพื่อทีมชาติและแฟนบอลไทยอย่างแท้จริง

     

     

  4. จบทัวร์นาเมนต์นักข่าวขอ3คำจากโค้ช แฟนบอลอย่างเราๆต้องเซอร์ไพรซ์กับคำตอบที่บอกว่า กูทำได้” โค้ชลืมอะไรหรือเปล่าครับว่าประตู 1-0 ที่ได้มาจนทำให้เราเป็นแชมป์นั้นเกิดจากความผิดพลาดของฝ่ายตรงข้ามเอง ถึงแม้ในนัดชิงเหรียญทองนักเตะจะตั้งใจเล่นและทำผลงานพอใช้ได้ แต่เราก็คงไม่สามารถออกมาพูดได้อย่างเต็มปากว่าพอใจกับผลงานของตนเอง นอกจากนี้คำ 3 คำจากปากโค้ชยังทำให้เห็นถึงทัศนคติของโค้ชว่าทัวร์นาเมนต์นี้เป็นการทำแค่เเพื่อพิสูจน์ตัวเองให้พ้นจากคำครหาทั้งๆที่การแข่งขันฟุตบอลในทุกเกมส์คือการสร้างสปิริตร่วมกันของทีม ไม่ใช่แค่ความสำเร็จของคนใดคนหนึ่ง

     

    จะอย่างไรซีเกมส์ก็จบไปแล้ว ถึงแม้ไทยเราจะชวดตำแหน่งเจ้าเหรียญทองรวม แต่เหรียญทองของบอลชายที่ได้มาก็ช่วยทดแทนความสุขให้คนไทยได้ในระยะหนึ่ง ถ้าจะให้ถามถึงผลงานทีมชาติชุดนี้หลายคนคงอึดอัดกับคำตอบ ทั้งๆที่เรามีทั้งผู้เล่นและลีกที่แข็งแกร่งกว่าชาติอื่นในอาเซียน ในฐานะแฟนบอลก็คงได้แต่ฝากคอมเมนท์ไปถึงผู้มีอำนาจตัดสินใจ ขอให้ท่านอย่าเพลิดเพลินกับเหรียญทองครั้งนี้จนไม่ทันมองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะที่ตัวโค้ช ต้องบอกว่าถ้าสมาคมฯ ปล่อยไว้แบบนี้ มีแต่ถอยหลังลงคลอง เชื่อ @มิน สักครั้งเถอะ