สดๆร้อนๆ !!!! คำพูดแรก สรยุทธ ความรู้สึก 15 วันที่อยู่ในเรือนจำ ...ลำบาก และอดทนอยู่ให้ได้(มีคลิป)

สืบเนื่องจาก ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางศาล ได้อ่านคำสั่งของศาลฎีกา ที่นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อายุ 51 ปี อดีตพิธีกรรายการข่าวชื่อดังและกก.ผจก.บจก.ไร่ส้ม จำเลยที่ 3 และน.ส.มณฑา ธีระเดช อายุ 45 ปี พนักงาน บจก.ไร่ส้ม จำเลยที่ 4 ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวระหว่างฎีกา 

โดยคำสั่งขอปล่อยชั่วคราวนั้น ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า ในชั้นนี้เห็นควรให้อนุญาตปล่อยชั่วคราว ตีราคาประกันคนละ 5 ล้านบาท และกำหนดเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล และให้จำเลยทั้งสอง ต้องมารายงานตัวต่อศาลทุก 3 เดือน ทั้งนี้ การให้ประกันตัวดังกล่าวจำเลยทั้งสองได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นสมุดบัญชีเงินฝากคนละ 5 ล้านบาท


ขณะเดียวกันหลังจากที่ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ได้ถูกปล่อยตัวได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ระบุว่า ขอบคุณกระบวนการยุติธรรม ที่มีเมตตาให้รับรองฎีกา เพื่อพิสุจน์ข้อเท็จจริงต่อไป  ส่วนความเป็นอยู่ในเรือนจำนั้น ก็ไม่สะดวกสบาย และใช้คำว่าลำบาก และอดทนอยู่ให้ได้ 

ย้อนกลับไป วันที่ 29 ส.ค. 60  ที่ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง  ศาลได้นัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำที่ อ.313/2558 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 2 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด หรือนางชนาภา บุญโต พนักงานจัดทำคิวโฆษณาของ บริษัท อสมท.จำกัด (มหาชน) และ บริษัทไร่ส้ม จำกัด โดยนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ในฐานะกรรมการบริษัท , นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อดีตพิธีกรรายการข่าวชื่อดัง และ นางสาวมณฑา ธีระเดช พนักงานบริษัทไร่ส้ม เป็นจำเลย 1-4 ในความผิดฐานเป็นพนักงานเรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งหน้าที่ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ , เป็นพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่องค์กร , เป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และสนับสนุนพนักงานกระทำความผิดดังกล่าว ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 ม.6,8,11

โดยคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1-4 รายละ 6 กระทง ให้จำคุกนางพิชชาภา จำเลยที่ 1 จำคุก 30 ปี และปรับ บจก.ไร่ส้ม จำเลยที่ 2 กระทงละ 20,000 บาทรวม 6 กระทง ปรับทั้งสิ้น 120,000 บาท ส่วนนายสรยุทธ จำเลยที่ 3 และนางมณฑา จำเลยที่ 4 จำคุก 6 กระทงๆละ 3 ปี 4 เดือน รวมจำคุกคนละ 20 ปี ก่อนลดโทษเหลือจำคุก 13 ปี 4 เดือน และจำเลยยื่นอุทธรณ์เพื่อสู้คดี
      
เมื่อถึงเวลาศาลออกนั่งบรรลังก์พร้อมถามหาจำเลยทั้งหมด ก่อนเปิดอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ โดยคำฟ้องของจำเลยที่ยื่นอุทธณ์ที่เห็นแย้งกับศาลชั้นต้นกว่า 15 ประเด็น ทั้งประเด็นการพิจารณาคดี หรืออำนาจหน้าที่ของจำเลยที่กระทำผิด รวมถึงการที่นายสรยุทธ อ้างว่าศาลชั้นต้นพิพากษาหนักเกินไปและตัวเองมีคุณงามความดีหากพิจารณาลงโทษสถานหนักจะเกิดความเสียหายมหาศาล โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คุณงามความดีกับการกระทำความผิดเป็นคนละส่วนกัน ทำให้คำฟ้องของจำเลยฟังไม่ขึ้นทุกประเด็น ศาลจึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น