"คิดถึงดูไบ คิดถึงคนไกล" รักปู รักทักษิณ!! คึกคักได้อีก กองเชียร์ยิ่งลักษณ์แห่ให้กำลังใจ!! ด้าน "ทนายยิ่งลักษณ์" เผยไม่สนใจคำพูด "พล.อ.ประยุทธ์

วันนีิ้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้นัดอ่านคำพิพากษารับคดีโครงการรับจำนำข้าว หลังจากเมื่อวันที่ 25 ส.ค. ที่ผ่านมา นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลบหนีไม่มาฟังการอ่านคำพิพากษา 

โดยศาลฎีกาเเผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมืองนัดฟังคำพิพากษาเวลา 09.00 น. ซึ่งในทางกฎหมายหากศาลจะอ่านคำพิพากษาลับหลังก็ถือว่าในครั้งนี้ศาลไม่ต้องรอตัวจำเลยว่าจะมาหรือไม่ เพราะเคยออกหมายจับปรับนายประกันไปก่อนหน้านี้เเล้ว เนื่องจากถือว่าหลบหนีประกันในชั้นศาล ดังนั้น ศาลจึงสามารถ
อ่านคำพิพากษาลับหลังได้เลย 

สำหรับขั้นตอนทางกฎหมายเกี่ยวกับการอ่านคำพิพากษาในคดีโครงการรับจำนำข้าวและโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ที่จะมีการอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยในวันที่ 27 กันยายน มีข้อความระบุว่า ในวันดังกล่าวเป็นการนัดอ่านคำพิพากษาลับหลัง หลังจากที่จำเลยไม่เดินทางมาในวันที่ 25สิงหาคม เมื่อถึงเวลานัดหากจำเลยเดินทางมาศาลจะเริ่มประชุมทำคำพิพากษาเพื่ออ่านให้จำเลยฟังต่อหน้า

ส่วนกรณีที่จำเลยยังไม่เดินทางมาตามเวลานัดจะมีการรายงานเป็นลายลักษณ์อักษรว่าได้รอจำเลยจนถึงเวลาเท่าใด เเต่จำเลยยังไม่มาศาล หลังจากนั้นองค์คณะจะมีการอ่านคำพิพากษากลางที่ได้ทำไว้ในช่วงเช้าก่อนขึ้นบัลลังก์

สำหรับบรรยากาศบริเวณรอบศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองขณะนี้มีมวลชนบางส่วนเดินทางมา เพื่อติดตามการพิจารณาคดี
ซึ่งวันนี้เจ้าหน้าที่ไม่ได้มีการกั้นพื้นที่ให้มวลชนอยู่บริเวณถนนด้านหน้าอาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เหมือนเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ที่ผ่านมา มวลชนจึงมาอยู่บริเวณด้านหน้าศาลฎีกา พร้อมทั้งมีสื่อมวลชนจำนวนมากที่มาติดตามกันทำข่าวทั้งสื่อจากในประเทศและต่างประเทศ

ขณะที่มาตรการรักษาความปลอดภัยที่ศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เจ้าหน้าที่ได้ใช้กำลังในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลเพียง 2 กองร้อย และไม่ได้มีการประสานขอกำลังจากกองบัญชาการข้างเคียงเหมือนเมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา 

ทั้งนี้ ในทางการข่าวคาดว่าจะมีกลุ่มผู้สนับสนุนมาให้กำลังใจรวมถึงผู้เกี่ยวข้องประมาณ 300-400 คน ซึ่งเป็นจำนวนไม่มากเหมือนเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ที่ผ่านมา ซึ่งศาลได้ใช้แนวทางเดิมระหว่างการไต่สวนคือการกำหนดเขตอำนาจศาลเพียง 20 เมตร ไม่เหมือนวันนัดฟังคำพิพากษาก่อนหน้านี้ ซึ่งกำหนดเขตอำนาจศาลมากกว่า 10,000 ตารางเมตร

อย่างไรก็ดี แม้หลายฝ่ายจะคาดการณ์กันว่านางสาวยิ่งลักษณ์จะไม่มาฟังคำพิพากษาในวันนี้แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้มีการเตรียมความพร้อมในทุกๆ ด้าน เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชนอย่างเต็มที่และไม่ประมาท

โดยก่อนการฟังคำพิพากษานั้น นาย นรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความนางสาวยิ่งลักษณ์  ก็ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวแบบสั้นๆ โดยระบุว่า วันนี้ก็เดินทางมาฟังศาลจะมีการอ่านคำพิพากษาตามปกติไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น โดยผู้สื่อข่าวก็ได้ถามถึงกรณี พล.อ.ประยุทะได้รู้แหล่งกบดานของ นส.ยิ่งลักษณ์นั้น นาย นรวิชญ์ได้กล่าวว่า โดยปัดตอบคำพูดของพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษ ส่วนจะมีการยื่นอุธรณ์หรือไม่ ต้องรอคำพิพากษาออกมาก่อน

"คิดถึงดูไบ คิดถึงคนไกล" รักปู รักทักษิณ!!คึกคักได้อีก กองเชียร์ยิ่งลักษณ์แห่ให้กำลังใจ!! ด้าน"ทนายยิ่งลักษณ์"เผยไม่สนใจคำพูด "พล.อ.ประยุทธ์

"คิดถึงดูไบ คิดถึงคนไกล" รักปู รักทักษิณ!!คึกคักได้อีก กองเชียร์ยิ่งลักษณ์แห่ให้กำลังใจ!! ด้าน"ทนายยิ่งลักษณ์"เผยไม่สนใจคำพูด "พล.อ.ประยุทธ์

"คิดถึงดูไบ คิดถึงคนไกล" รักปู รักทักษิณ!!คึกคักได้อีก กองเชียร์ยิ่งลักษณ์แห่ให้กำลังใจ!! ด้าน"ทนายยิ่งลักษณ์"เผยไม่สนใจคำพูด "พล.อ.ประยุทธ์

"คิดถึงดูไบ คิดถึงคนไกล" รักปู รักทักษิณ!!คึกคักได้อีก กองเชียร์ยิ่งลักษณ์แห่ให้กำลังใจ!! ด้าน"ทนายยิ่งลักษณ์"เผยไม่สนใจคำพูด "พล.อ.ประยุทธ์

"คิดถึงดูไบ คิดถึงคนไกล" รักปู รักทักษิณ!!คึกคักได้อีก กองเชียร์ยิ่งลักษณ์แห่ให้กำลังใจ!! ด้าน"ทนายยิ่งลักษณ์"เผยไม่สนใจคำพูด "พล.อ.ประยุทธ์

"คิดถึงดูไบ คิดถึงคนไกล" รักปู รักทักษิณ!!คึกคักได้อีก กองเชียร์ยิ่งลักษณ์แห่ให้กำลังใจ!! ด้าน"ทนายยิ่งลักษณ์"เผยไม่สนใจคำพูด "พล.อ.ประยุทธ์

"คิดถึงดูไบ คิดถึงคนไกล" รักปู รักทักษิณ!!คึกคักได้อีก กองเชียร์ยิ่งลักษณ์แห่ให้กำลังใจ!! ด้าน"ทนายยิ่งลักษณ์"เผยไม่สนใจคำพูด "พล.อ.ประยุทธ์

"คิดถึงดูไบ คิดถึงคนไกล" รักปู รักทักษิณ!!คึกคักได้อีก กองเชียร์ยิ่งลักษณ์แห่ให้กำลังใจ!! ด้าน"ทนายยิ่งลักษณ์"เผยไม่สนใจคำพูด "พล.อ.ประยุทธ์

สำหรับขั้นตอนทางกฏหมายเกี่ยวกับการอ่านคำพิพากษาในคดีโครงการรับจำนำข้าวและโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐที่จะอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยในวันที่ 27 ก.ย.นั้น เป็นการนัดอ่านคำพิพากษาลับหลัง หลังจากจำเลยไม่เดินทางมาในวันที่ 25 ส.ค. โดยเมื่อถึงเวลานัด หากจำเลยเดินทางมา ศาลจะเริ่มประชุมทำคำพิพากษาเพื่ออ่านให้จำเลยฟังต่อหน้า

ส่วนที่จำเลยยังไม่เดินทางมาตามเวลานัด จะมีการรายงานเป็นลายลักษณ์อักษรว่าได้รอจำเลยจนจนถึงเวลาเท่าใด เเต่จำเลยยังไม่มาศาล หลังจากนั้นองค์คณะจะอ่านคำพิพากษากลางที่ทำไว้ในช่วงเช้าวันดังกล่าวก่อนขึ้นบัลลังก์

ขั้นตอนในวันดังกล่าว หากคู่ความไม่มีใครมาศาล ก็จะออกนั่งพิจารณาเเละสั่งงดอ่านคำพิพากษาเพราะถือว่าจำเลยทราบคำพิพากษาโดยชอบเเล้ว เเต่ในกรณีที่ในวันดังกล่าวหากอัยการโจทก์เดินทางมา ศาลจะอ่านคำพิพากษากลางที่ทำไว้ในวันนั้นให้โจทก์ฟังเเละถือว่าเป็นการอ่านโดยชอบด้วยกฎหมาย เเละถ้าวันดังกล่าว ศาลมีคำพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย เเต่จำเลยไม่มาศาล ศาลจะให้ออกหมายจับจำเลยมาเพื่อปฎิบัติตามคำพิพากษาของศาล เเต่หากยกฟ้อง หากศาลไม่ได้สั่งขังจำเลยระหว่างอุทธรณ์ ตัวจำเลยก็จะถือเป็นอิสระ

หลังจากอ่านคำพิพากษาในคดีนี้ คู่ความทั้งสองยังมีสิทธิยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาตามรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 195 วรรคสี่ บัญญัติให้อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลฎีกาฯ ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา และตามมาตรา 195 วรรคเจ็ด บัญญัติให้หลักเกณฑ์และวิธีการอุทธรณ์ให้เป็นไปตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งขณะนี้พ.ร.บ.ดังกล่าวยังไม่ได้ประกาศใช้

 

สำหรับขั้นตอนการยื่นอุทธรณ์หากศาลยกฟ้องก็ต้องพิจารณาเหตุผลที่ศาลยกฟ้อง พร้อมทั้งดูว่าศาลลงโทษอย่างไร มีเหตุผลอย่างไร 

สำหรับขั้นตอนทางกฎหมายเกี่ยวกับการอ่านคำพิพากษาในคดีโครงการรับจำนำข้าวและโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ที่จะมีการอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยในวันที่ 27 กันยายน มีข้อความระบุว่า ในวันดังกล่าวเป็นการนัดอ่านคำพิพากษาลับหลัง หลังจากที่จำเลยไม่เดินทางมาในวันที่ 25สิงหาคม เมื่อถึงเวลานัดหากจำเลยเดินทางมาศาลจะเริ่มประชุมทำคำพิพากษาเพื่ออ่านให้จำเลยฟังต่อหน้า

ส่วนกรณีที่จำเลยยังไม่เดินทางมาตามเวลานัดจะมีการรายงานเป็นลายลักษณ์อักษรว่าได้รอจำเลยจนถึงเวลาเท่าใด เเต่จำเลยยังไม่มาศาล หลังจากนั้นองค์คณะจะมีการอ่านคำพิพากษากลางที่ได้ทำไว้ในช่วงเช้าก่อนขึ้นบัลลังก์


ซึ่งตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2542 มาตรา 20 บัญญัติให้การทำคำสั่งที่เป็นการวินิจฉัยชี้ขาดหรือการพิพากษาคดี ให้ผู้พิพากษาในองค์คณะผู้พิพากษาทุกคนทำความเห็นส่วนตนในการวินิจฉัยคดีเป็นหนังสือ พร้อมทั้งต้องแถลงด้วยวาจาต่อที่ประชุมก่อนการลงมติ และให้ถือมติตามเสียงข้างมาก โดยองค์คณะผู้พิพากษาอาจมอบหมายให้ผู้พิพากษาคนใดคนหนึ่งในองค์คณะผู้พิพากษาเป็นผู้จัดทำคำสั่งหรือคำพิพากษาตามมตินั้นก็ได้ และคำสั่งที่เป็นการวินิจฉัยชี้ขาดคดีหรือคำพิพากษาของศาล ให้เปิดเผยโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ส่วนความเห็นในการวินิจฉัยคดีของผู้พิพากษาในองค์คณะผู้พิพากษาทุกคนให้เปิดเผยตามวิธีการที่ประธานศาลฎีกากำหนด

และตามมาตรา 20 บัญญัติให้ความเห็นในการวินิจฉัยคดีอย่างน้อยต้องประกอบด้วย ชื่อคู่ความทุกฝ่าย เรื่องที่ถูกกล่าวหา ข้อกล่าวหาและคำให้การ ข้อเท็จจริงที่ได้จากการพิจารณา เหตุผลในการวินิจฉัยทั้งในปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย บทบัญญัติของกฎหมายที่ยกขึ้นอ้างอิง คำวินิจฉัยคดี รวมทั้งการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินที่เกี่ยวข้อง ซึ่งขั้นตอนในวันดังกล่าวเเปลว่าหากคู่ความไม่มีใครเดินทางมาศาลก็จะออกนั่งพิจารณาเเละสั่งงดอ่านคำพิพากษาเพราะถือว่าจำเลยทราบคำพิพากษาโดยชอบเเล้ว เเต่ในกรณีที่ในวันดังกล่าวหากอัยการโจทก์เดินทางมาในวันดังกล่าว ศาลจะอ่านคำพิพากษากลางที่ทำไว้ในวันนั้นให้โจทก์ฟังเเละถือว่าเป็นการอ่านโดยชอบด้วยกฎหมาย เเละถ้าวันดังกล่าวศาลมีคำพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยเเต่จำเลยไม่มาศาล ศาลจะให้ออกหมายจับจำเลยมาเพื่อปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล เเต่หากมีการยกฟ้อง หากศาลไม่ได้สั่งขังจำเลยระหว่างอุทธรณ์ตัวจำเลยจะถือเป็นอิสระ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังจากมีการอ่านคำพิพากษาในคดีนี้ คู่ความทั้งสองยังมีสิทธิยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาตามรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 195 วรรค 4 บัญญัติให้สามารถอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา และตามรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 195 วรรค 7 บัญญัติให้หลักเกณฑ์และวิธีการอุทธรณ์ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ขณะนี้ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าวยังไม่ได้ประกาศใช้