ด่วนที่สุด ศาลไฟเขียว ให้ประกันตัว "ลุงวิศวะ" !

ด่วนที่สุด ศาลไฟเขียว ให้ประกันตัว "ลุงวิศวะ" !

จากกรณี นายสุเทพ โภชนสมบูรณ์ หรือ ลุงวิศวะที่ก่อเหตุคว้าปืนยิงใส่รถตู้ของกลุ่มวัยรุ่น บริเวณอ่างศิลา ถนนสายอ่างศิลา-สุขุมวิท ตำบลอ่างศิลา อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี เดินทางมาศาลจังหวัดชลบุรี เพื่อฟังคำพิพากษา ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 2941/2560 ที่พนักงานอัยการจังหวัดชลบุรี และนางสาวมณีพร ผึ่งพาย เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสุเทพ ฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุสมควรและไม่ได้รับอนุญาต
 

 

โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าพยานหลักฐานรับฟังได้ว่าจำเลยพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรและไม่ได้รับอนุญาต แล้วใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจริง ส่วนปัญหาที่ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำเพื่อป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า เหตุคดีนี้สืบเนื่องมาจากพวกของผู้ตายซึ่งเป็นคนขับรถตู้ และรถยนต์ จอดรถที่หน้าร้านขายของฝากกีดขวางทางออกของจำเลย ทำให้มีปากเสียงกันแต่เหตุวิวาทจบลงไปภายหลังจากที่พวกของผู้ตายขับรถตู้ และรถยนต์ ออกไปโดยมิได้ท้าทายจำเลยอีก

หากจำเลยมีสติรู้จักยับยั้งชั่งใจจอดรถรอสักพักหนึ่ง เพื่อให้โทสะคลายลงแล้วค่อยขับรถออกไปเหตุคดีนี้คงไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่จำเลยกลับขับรถตามรถทั้ง 2 คันไปในทันทีพร้อมขับแซงรถตู้บีบแตรยาวใส่แล้วขับไปอยู่ด้านหน้าชะลอความเร็วลงจนเกือบจะหยุดรถเพื่อให้ชนท้ายทั้งภรรยาจำเลย ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ถ่ายภาพรถยนต์ของพวกผู้ตายไว้อีก เช่นนี้ย่อมเป็นการท้าทายผู้ตายกับพวกให้เกิดโทสะและเข้ามาวิวาทกับจำเลย เหตุที่จำเลยมีความฮึกเหิมกล้าท้าทาย ก็เนื่องจากจำเลยพกพาอาวุธซึ่งบรรจุลูกกระสุนปืนไว้แล้วติดตัวไปด้วย และเตรียมอาวุธปืนไว้ตั้งแต่ที่หน้าร้านขายของฝาก บ่งชี้ถึงเจตนาของจำเลยว่าพร้อมที่จะสมัครใจวิวาท เมื่อพวกของผู้ตายขับรถยนต์ มาถึงที่เกิดเหตุ จำเลยได้หักหัวรถอย่างกระทันหันในลักษณะปาดหน้าและขัดขวางมิให้รถยนต์ของพวกผู้ตายขับต่อไปได้ แสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาวิวาทกับผู้ตายและพวกมาตลอดทาง

 

ทั้งภริยาจำเลยใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ถ่ายภาพรถยนต์เก๋งพวกของผู้ตายไว้อีก เช่นนี้ย่อมเป็นการท้าทายผู้ตายกับพวกให้เกิดโทสะและเข้ามาวิวาทกับจำเลย เหตุที่จำเลยมีความฮึกเหิมกล้าท้ายก็เนื่องจากจำเลยพาอาวุธปืนซึ่งบรรจุลูกกระสุนปืนไว้แล้วติดตัวไปด้วยและเตรียมอาวุธปืนไว้ตั้งแต่ที่หน้าร้านขายของฝาก บ่งชี้ถึงเจตนาของจำเลยว่าพร้อมที่จะสมัครใจวิวาทเพื่อพวกของผู้ตายขับรถยนต์เก๋งมาถึงที่เกิดเหตุ

จำเลยหักหัวรถอย่างกะทันหันในลักษณะปาดหน้าและขัดขวางมิให้รถยนต์เก๋งของพวกผู้ตายขับต่อไปได้ แสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาวิวาทกับผู้ตายกลับพวกมาตลอดเส้นทาง จนกระทั่งถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นจุดสุดท้ายก่อนที่จะยิงกันจำเลยก็ยังมีเจตนาวิวาทอยู่ เมื่อจำเลยเห็นว่าผู้ตายกับพวกมากันหลายคนก็เริ่มเกิดความขลาดกลัว แต่ยังคงพูดกับผู้ตายกับพวกด้วยน้ำเสียงและคำพูดในลักษณะไว้ท่าที่ว่าจะเอาเรื่อง มิใช่คำพูดในทำนองขอโทษการกระทำของตน หรือแสดงให้เห็นวาไม่อยากมีเรื่องหรือให้เลิกแล้วกันไป

ด่วนที่สุด ศาลไฟเขียว ให้ประกันตัว "ลุงวิศวะ" !

 

 

จนกระทั่งถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นจุดสุดท้ายก่อนที่จะยิงกัน จำเลยก็ยังมีเจตนาวิวาทอยู่ เมื่อจำเลยเห็นว่าผู้ตายกับพวกมากันหลายคนก็เริ่มเกิดความขลาดกลัว แต่ยังคงพูดกับตายด้วยน้ำเสียงและคำพูดในลักษณะไว้ท่าที ว่าจะเอาเรื่องไม่ใช่คำพูดในทำนองขอโทษการกระทำของตนหรือแสดงให้เห็นว่าไม่อยากมีเรื่องหรือให้เลิกแล้วกันไป ประกอบกับ จำเลย เตรียมอาวุธปืนไว้พร้อมยิงต่อสู้ฝ่ายผู้ตายจึงต้องฟังว่าต่างฝ่ายต่างสมัครใจวิวาท แม้ผู้ตายกับพวกทำร้ายร่างกายจำเลยก่อน จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย แต่เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นต่อเนื่องเชื่อมโยงกันมาไม่ขาดตอนนับระยะเวลาตั้งแต่ต้นจนจบเพียง 5 นาทีเศษ และตามพฤติการณ์เป็นกรณีที่ต่างฝ่ายต่างสมัครใจวิวาทกัน จำเลยจะอ้างว่ายิงผู้ตายเพื่อป้องกันสิทธิ์ของตนไม่ได้ ทั้งไม่ปรากฏว่าผู้ตายกับพวกทำร้ายมารดา ภรรยา และหลาน ที่มากับจำเลยจึงอ้างไม่ได้ว่า จำเลย ยิงตายเพื่อป้องกันสิทธิ์ของผู้อื่นให้พ้นภยันอันตรายที่ใกล้จะมาถึง

จำเลยจึงมีความผิดฐานพกพาอาวุธปืนและฆ่าผู้อื่นตามฟ้องแต่เนื่องจากจำเลยมิได้มีจิตใจโหดเหี้ยมเยี่ยงโจรผู้ร้าย เพียงแต่ขาดสติยับยั้งชั่งใจในการควบคุม จำเลยจึงยิงปืนไปเพียงหนึ่งนัด หลังเกิดเหตุมิได้หลบหนีและยอมรับกับตำรวจในทันที ว่า เป็นคนยิงผู้ตายประกอบกับผู้ตายมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดเห็นสมควรลงโทษจำเลยในสถานเบาฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาจำคุก 15 ปี ลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุก 10 ปี ฐานพกพาอาวุธปืนปรับ 4,000 บาทลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงปรับ 2,000 บาทรวมจำคุก 10 ปีและปรับ 2,000 บาท

พร้อมยกคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ของนางสาวมณีพร ผึ่งผาย มารดาผู้ตาย และให้ถือว่า นางสาวมณีพร อยู่ในฐานะผู้ร้องขอให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเท่านั้น พร้อมสั่งให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 340,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันยื่นคำร้องขอ
 

สำหรับ การนัดสืบพยานต่อเนื่องในวันที่ 22 ถึง 25 พฤษภาคม 2561 วันที่ 30 พฤษภาคม 2561 วันที่ 20 และ 24 กรกฎาคม 2561 มาเสร็จสิ้น เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2561 โดยสืบพานโจทก์ทั้งหมด 19 ปาก พยานโจทก์ร่วม 1 ปาก และพยานจำเลย 2 ปาก แล้วอ่านคำพิพากษาไปในวันนี้ นับระยะเวลาตั้งแต่วันฟ้องจนถึงวันที่ศาลอ่านคำพิพากษาเป็นเวลา 1 ปี 23 วัน

โดยจำเลยได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวตลอดมา อันเป็นการสนองนโยบายของประธานศาลฎีกาที่เร่งรัดให้พิจารณาคดีเสร็จไปโดยเร็ว เพื่อให้ประชาชนและสังคงมีความศรัทธาและเชื่อมั่นในระบวนการอำนวยความยุติธรรมของศาลยุติธรรม

 

ด่วนที่สุด ศาลไฟเขียว ให้ประกันตัว "ลุงวิศวะ" !

 

ล่าสุด ทนายของนายสุเทพ โภชนสมบูรณ์ ได้ยื่นขอหลักทรัพย์ 670,000 บาท ขอประกันตัวนายสุเทพ ซึ่งศาลพิจารณาแล้วให้ประกันตัว