โหรฟองสนาน เปิดดวงเศรษฐกิจ เหวลึกหรือนรกทางเศรษฐกิจดักทางอยู่

โหรฟองสนาน จามรจันทร์ เปิดดวงเศรษฐกิจไทย เตือน เหวลึกหรือนรกทางเศรษฐกิจดักทางอยู่ให้ฟันฝ่า กลางกรกฎาคม 2572น่าจะออกมาบวกมากกว่าลบ

โหรฟองสนาน จามรจันทร์ ทำนายดวงเศรษฐกิจเมือง ระยะเจ็ดปีระหว่างประมาณ8กรกฎาคม2565-18กรกฎาคม 2572 ต้องตีฝ่าสงครามและการปฏิวัติเศรษฐกิจของโลก ออกแนวได้ทั้งบวกหรือลบทั้งสองทางขึ้นอยู่กับฝีมือของคนในชาติโดยรวมร่วมกันฟันฝ่า

 

โหรฟองสนาน เปิดดวงเศรษฐกิจ เหวลึกหรือนรกทางเศรษฐกิจดักทางอยู่

แม่หมอสมัครเล่นตอนที่ 541 โดยฟองสนาน  จามรจันทร์ ย้ำเป้าหมายหลักทางเศรษฐกิจของเมือง

"เมื่อยืนอยู่ข้างกำแพงพระนครประมาณกรกฎาคม2572 เราจะถามตัวเองว่า-สถานะทางเศรษฐกิจของเมืองรัตนโกสินทร์มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร"

นี่คือสิ่งผู้เขียนยังขอย้ำตามที่เคยเขียนดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์มาทุกปีเริ่มตั้งแต่ปลายปี2564มาแล้วว่า ระยะเจ็ดปีระหว่างประมาณ8กรกฎาคม2565-18กรกฎาคม 2572 เมืองรัตนโกสินทร์ต้องตีฝ่าสงครามและการปฏิวัติเศรษฐกิจของโลก เพื่อปฎิวัติทางเศรษฐกิจใหญ่ของเมืองเป็นรอบที่สามนับตั้งแต่วางเสาหลักเมืองเมื่อวันอาทิตย์ 21 เมษายน 2325 เวลา06.54น.

 

โหรฟองสนาน เปิดดวงเศรษฐกิจ เหวลึกหรือนรกทางเศรษฐกิจดักทางอยู่

 

โดยผลของการปฏิวัติใหญ่ทางเศรษฐกิจคราวนี้จะออกแนวได้ทั้งบวกหรือลบทั้งสองทางขึ้นอยู่กับฝีมือของคนในชาติโดยรวมคือ

1.ถ้าทำได้ดีจะออกแนวบวก คือเมืองจะหลุดจากประเทศรายได้ปานกลางที่เป็นอยู่ขณะนี้ที่ประชากรไทยมีรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อเดือนที่20,900บาท ไปเป็นประเทศประเทศรายได้สูงที่ประชากรจะมีรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อเดือนที่ 30,000
(ข้อมูลจากดร.ไกรยศ ภัทราวาส ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาหรือกสศ.)

2.ถ้าทำไม่สำเร็จเมืองก็จะติดกับดักรายได้ปานกลางต่อไปและโชคร้ายกว่านั้นเมืองมีโอกาสจะถูกโลกทิ้งไว้ข้างหลังไม่เห็นฝุ่นและเจ็บปวด

ส่วนคำอธิบายทางโหรสำหรับปรากฎการณ์นี้ เป็นลางจากมฤตยูจร(0)เจ้าของภัยอาเพศ-การปฏิวัติเพื่อให้เกิดสิ่งที่ใหม่กว่า-ก้าวนำ-ล้ำสมัย-เหตุการณ์ไม่ทันนึกคิด-ผลัดเปลี่ยนพลัดพรากทันทีทันใด-โชคอันไม่แน่นอน-กิจการที่เกี่ยวกับมหาชนฯลฯเข้าไปเดินในราศีพฤษภซึ่งเป็นดินแดนของเศรษฐกิจและการทำมาหาได้ของเมือง

อีกทั้งราศีพฤษภก็เป็นอาณาบริเวณหรือขอบเขตของเศรษฐกิจโลกที่ทางโหรถือว่าลัคนาสถิตราศีเมษด้วย

ในเมื่อมฤตยูเป็นดาวของการปฎิวัติ-ล้ำสมัยที่ไม่ถูกโฉลกกับสิ่งเก่าๆ เมื่อไปเดินในราศีพฤษภ เศรษฐกิของโลก-และเศรษฐกิจเมืองรัตนโกสินทร์-รวมทั้งคนจึงถูกเขย่าอย่างหนักเป็นระยะๆเพื่อเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่ เช่น

เขย่าโลกจริงสำหรับการปฏิวัติเศรษฐกิจรอบนี้คือปิดตำนานเครดิตสวิสธนาคารขนาดใหญ่และเก่าแก่ของโลกไปเมื่อมีนาคม2566-โลกใต้สู้กับโลกเหนือซาอุดิอาระเบียเข้าร่วมกลุ่มBRICS-เขย่าตลาดคลิปโตหัวทิ่มเมื่อปี2565-ปรากฎการณ์ยานยนต์ไฟฟ้ารุกคืบยานยนต์สันดาป-สินค้าจีนตีตลาดไปทั่วโลกรวมทั้งรถไฟฟ้าจนบางประเทศต้องนำมาตรการภาษีมาใช้ฯลฯ

ระดับประเทศไทยก็เข้าสู่การเขย่าทางเศรษฐกิจเป็นระยะๆเช่นกลับมาเริ่มสัมพันธ์ทางการทูตกับซาอุดิอาระเบียหลัง36ปีของการหมางเมิน-ความพยายามทำโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้-ปลดล้อคการผลิตเหล้า-โครงการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรหรือเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ-อุตสาหกรรมยานยนต์ที่ไทยเคยถูกขนานนามเป็นดีทรอยส์แห่งเอเชียถูกตั้งตำถามจากทั้งบีบีซี.และHSBCว่าไทยจะรักษาไว้ได้หรือไม่เพราะช่วงนี้ที่เปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้าบริษัทที่เคยมาลงทุนผลิตรถยนต์ในไทยหยุดผลิตไปแม้จะมีบริษัทที่ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเข้ามาลงทุนแทน-บริษัทการบินไทยรอดเพราะปรับตัวและโครงสร้างอย่างมาก-บขส.ทำท่าจะไปได้ดีเพราะปรับตัวเช่นเปิดจองตั๋วออนไลน์ได้ตลอดปี-ย่านการค้าที่เคยรุ่งเรื่องหลายแหล่งแพ้ทางค้าขายออนไลน์ฯลฯ

ในส่วนการทำมาหากินของคนในเมืองก็เปลี่ยนแปลงและปฏิวัติไปหมดเขย่าและกระทบกันไปทั่ว เช่นปรากฎการณ์ด้านข้อมูลข่าวสารที่มีคนผลิตคอนเท้นส์ราวสองล้านคนเลือกรับไม่หวาดไม่ไหวทะลายการผูกขาดของสื่อได้ชะงัด-เจเอสแอล.ปิดกิจการหลังทำมา43ปี-แย่งกันขายของออนไลน์-สินค้าจากจีนตีตลาดไปทั่ว-ศาลแพ่งเปิดแผนกซื้อขายออนไลน์-การหลอกลวงออนไลน์เต็มเมืองประชาชนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์เป็นเหยื่อจำนวนมากจนบางคนผวาไม่อยากรับโทรศัพท์ก็มี-กิจการบางแห่งไม่รับเงินสด-แรงงานต่างด้าวเต็มเมืองชนิดไม่ต้องไปกวาดต้อนมาก็มาเองจนบางพื้นที่คนไทยต้องตัวลีบฯลฯ

ส่วนวิธีการรับมือมฤตยูของเมือง-ระดับประเทศนั้นดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ได้พูดเมื่อวันที่ 4กรกฎาคม 2567ว่าทางเศรษฐกิจนั้นภูมิทัศน์(Landscape)ของการการแข่งขันเปลี่ยนแปลงหมดแล้ว เพราะต้องแข่งขันเพิ่มขึ้นจากเดิมมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเล่นสำคัญในตลาดโลกคือจีน ไทยจึงต้องไม่ทำอะไรแบบเดิมเช่นเอาแต่กระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ต้องปรับเชิงโครงสร้าง ลงทุนทางเทคโนโลยี่ใหม่

สาระที่ส่งมาจากดร.เศรษฐพุฒิมีนัยยะทางโหรคืออาการส่งสัญญาณของมฤตยูเจ้าของการปฏิวัติคือหากเมืองมีอาการอึดอัดในเรื่องเศรษฐกิจเหมือนที่เป็นอยู่ขณะนี้ เช่น อัตราความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของชาติต่ำ คนในเมืองรู้สึกอัดอั้นตันใจต่อสภาวะเศรษฐกิจ รัฐต้องกล้าแสดงพลังนำปฏิวัติ หากไม่ปฏิวัติก็จะถูกปฏิวัติ ถ้าฝืนทำอะไรแบบเดิมๆเช่นเฝ้าแต่กระตุ้นเศรษฐกิจก็จะส่งผลให้เมืองถูกทิ้งล้าหลังอย่างเจ็บปวด

ส่วนจะปฏิวัติเศรษฐกิจอย่างไรนั้นผู้เขียนซึ่งมีความรู้เพียงเศรษฐศาสตร์1คงมิบังอาจมีความคิดเห็นว่าอะไรบ้างที่จะเป็นตัวเปลี่ยนเกมส์ทางเศรษฐกิจของเมืองในภูมิทัศน์การแข่งขันที่เป็นอยู่

เพียงแต่หวังจากอาการของดวงดาวว่า มฤตยูนั้นในทางโหรถือว่าเป็นตัวแทนโชคลาภและความสำเร็จของเมือง(เกษตรราศีกุมภ์-ภพลาภะ)

และ แม้สมัยนั้นจะยังไม่นำดาวดวงนี้มาใช้แต่เมื่อย้อนรอยไปวินาทีที่วางเสาหลักเมือนั้นมฤตยูอยู่ในราศีมิถุน-ภพสหัสชะ หรือโยคหน้าทำให้ลัคนาเมืองเข้มแข็ง

จึงย้ำเหมือนเดิมอีกรอบว่าไม่ว่าเมือง-คนในเมืองจะต้องตีฝ่า-ปฏิวัติเศรษฐกิจขนาดไหนผลสรุปที่จะออกมาคือเมื่อยืนอยู่ข้างกำแพงเมืองเมื่อกลางกรกฎาคม 2572น่าจะออกมาบวกมากกว่าลบ

แต่กว่าจะไปถึงจุดนั้นทางโหรเมืองยังมีเหวลึกหรือนรกทางเศรษฐกิจดักทางอยู่ให้เมืองและคนในเมืองฟันฝ่า
(ยังมีต่อ)

ฟองสนาน  จามรจันทร์
19 กรกฎาคม 2567

ภาพดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์
มฤตยูจร(0)เดินในราศีพฤษภระหว่าง8กรกฎาคม 2565-18กรกฎาคม 2572

 

โหรฟองสนาน เปิดดวงเศรษฐกิจ เหวลึกหรือนรกทางเศรษฐกิจดักทางอยู่