"มส." เสนอชื่อ "สมเด็จช่วง" เป็นสังฆราชองค์ใหม่ - "วิษณุ" ย้ำมีมติรับรองทุกอย่างก็จบ !!

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

"วิษณุ เครืองาม" เปิดเผยว่า การเสนอชื่อ "สมเด็จช่วง" เป็น "สังฆราช" องค์ใหม่นั้น หากมีมติรับรองถูกต้องเรื่องทุกอย่างก็จบ รัฐบาลไม่มีอำนาจหน้าที่ไปดูความประพฤติหรือความเหมาะสมของการประชุม ซึ่งจะลับหรือไม่ลับก็ไม่ต่างกัน - ชี้เมื่อรับเรื่องแล้วอาจไม่สามารถพูดอะไรได้ด้วยซ้ำ !!

 

วันนี้ (13 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมหาเถรสมาคม (มส.) ประชุมลับเมื่อวันที่ 5 ม.ค. พร้อมมีมติเสนอชื่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (สมเด็จช่วง) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ใหม่ ว่า ประชุมทุกครั้งก็ลับทั้งนั้น ลับหรือไม่ลับจึงไม่มีความแตกต่าง ปัญหาคือวาระที่ประชุมบอกให้คนรู้ก่อนหรือไม่ สมมติถ้าทำไปแล้วจริง อาจจะตื่นเต้นเพราะไม่คาดว่าจะเกิด อย่างนั้นอีกเรื่อง แต่ทำไมเขาต้องไปบอกใคร เพราะอย่างน้อยก็ต้องบอกกันเองไม่เช่นนั้นกรรรมการมส.จะมาประชุมได้หรือ ส่วนจะครบองค์ประชุมหรือไม่ตนไม่ทราบ และหากมีมติใดออกมาก็สามารถเสนอมายังรัฐบาลได้ ถ้าการประชุมมีมติรับรองถูกต้องมันก็จบ จะมีอะไรไปหักไปโค่นว่าไม่ถูก
         

 

นายวิษณุ กล่าวว่า ตามขั้นตอนหากรัฐบาลได้รับรายชื่อมาจะต้องตรวจสอบว่ากระบวนในการพิจารณาเสนอชื่อมาทำถูกหรือไม่ รัฐบาลต้องรับผิดชอบ แต่ไม่มีหน้าที่ไปดูความประพฤติหรือความเหมาะสม เพราะเรื่องนี้ไม่มีอำนาจ แต่ถ้ามีคำถามใดมาก็ตามรัฐบาลต้องตอบได้ว่าทำไมถึงทำเช่นนั้น แต่ขณะนี้ยัง อย่าไปเตรียมตอบเพราะไม่รู้จะเจอคำถามอะไร ส่วนการตั้งรักษาการไปก่อนจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดหรือไม่นั้นตนไม่ขอตอบ ตอบแบบนั้นมันอคติ ส่วนที่นายกฯ พูดนั้นพูดด้วยความเห็นกลางว่าถ้ายังทะเลาะขัดแย้งกันอยู่ รัฐบาลจะไม่นำสิ่งซึ่งเป็นความขัดแย้งขึ้นไปกราบบังคมทูลฯ เพราะถ้าฝ่าฟันทุกอย่างแล้วกราบบังคมทูลฯ ขึ้นไป คนที่ขัดแย้งตามไปคัดค้าน สำนักราชเลขาธิการก็ต้องส่งกลับมาอยู่ดีว่าจะเอาอย่างไรกันแน่
         

 

"วันนี้รัฐบาลยังไม่ได้รับเรื่อง แต่ถึงได้รับมาถามว่าจะเก็บไว้หรือไม่ คงไม่ใช่เรื่องต้องมาไล่ถามรายวัน ต่อไปเมื่อได้รับเรื่องแล้วอาจไม่สามารถพูดอะไรได้ด้วยซ้ำ เพราะรัฐบาลต้องระวังเรื่องนี้มากกว่าเรื่องอื่นเยอะ ถ้ากรณีนี้เป็นแบบอย่าง ผมกลัวอย่างอื่นที่สำคัญกว่านี้ต่อไปอีก ถ้าทุกอย่างเป็นขี้ปากได้" นายวิษณุ กล่าว
         

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลหรือไม่ถ้าเรื่องมาถึงรัฐบาล สุดท้ายจะอยู่ในสถานะถูกบีบให้ต้องเลือก นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่กลัว คิดว่ามีทางออก อะไรที่เป็นหน้าที่รัฐบาลก็ต้องทำหน้าที่นั้น ซึ่งเกิดจากกฎหมาย ประเพณี และความคาดหมายของประชาชน ประกอบขึ้นเป็นหน้าที่ และต้องแจ้งคณะสงฆ์ทราบว่ารัฐบาลจะทำอะไรอย่างไร ส่วนที่หลายคนมองว่าเป็นเผือกร้อนของรัฐบาล แต่ตนถือเป็นปรากฏการณ์ธรรมดา
         

 

"เรื่องนี้พระมหากษัตริย์ทรงพระกรุณาโปรดสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชตามที่นายกรัฐมนตรีนำขึ้นทูลเกล้าฯถวายโดยความเห็นชอบของมส. ซึ่งจะต้องเสนอเห็นชอบสมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นสมเด็จช่วง วัดปากน้ำ แล้วจะมาพูดเป็นอย่างอื่นให้มันยุ่งทำไม วันนี้เราบอกสมเด็จวัดปากน้ำท่านอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ ถ้าไม่ตั้งสมเด็จวัดปากน้ำแล้วจะตั้งใคร ไม่ชอบสมเด็จวัดปากน้ำไม่ว่า แต่ถ้าไม่ตั้งแล้วไปตั้งใคร หมายถึงจะตั้งโดยให้ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งกำหนดว่าเป็นสมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์และสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้" นายวิษณุ กล่าว
         

 

นายวิษณุ กล่าวด้วยว่า หลายครั้งที่ตั้งสมเด็จพระสังฆราชในอดีต มีปัญหาเกือบทุกครั้ง เมื่อมีปัญหาถ้าตั้งได้ก็จบ ชอบไม่ชอบ นับถือไม่นับถือก็อยู่ในใจ ครั้งนี้ไม่ได้มีการแย่งชิง ที่มีปัญหาคือ ลูกศิษย์ที่อยากให้อาจารย์ตัวเองได้เป็น จึงควรปล่อยให้เป็นไปโดยธรรมชาติ อย่าให้มันผิดธรรมชาติ