"บิ๊กตู่" ยั๊ว !! ถาม "ไม่มีทหารจะสำเร็จไหม" วอน อย่ารังเกียจ  หลังมีมติตั้ง "ประธาน กยท."

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม www.tnews.co.th

"นายกรัฐมนตรี" วอน !! ทุกฝ่ายอย่ารังเกียจ "ทหาร" ถ้าไม่มีทหารจะสำเร็จได้ไหม ? หลัง "รัฐบาล" มีมติเเต่งตั้ง "ประธาน กยท." ชี้ การเข้าไปไม่ได้หวัง "ผลประโยชน์" ย้ำ  เร่งแก้ภาคใต้ก่อน ชมเปราะ อีสานน่ารักไม่เดือดร้อนมาก

 

วันนี้(13 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น. ที่กองบัญชาการกองทัพภาค1 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงรัฐบาลมีมติแต่งตั้งประธานกรรมาการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย(กยท.) ว่า วันนี้ราคายางไม่ปกติ จะรังเกียจทหารทุกอย่างเลยนะ แต่ก็ต้องการให้สำเร็จ ตนถามหน่อยถ้าไม่มีทหารจะสำเร็จได้ไหม วันนี้สถานการณ์ไม่ปกติทหารจึงเข้ามา และการเข้ามาไม่ใช่เข้ามาเพื่อผลประโยชน์ แต่ตั้งเพื่อไปขับเคลื่อน ถ้าเป็นพลเรือนก็ไม่ได้อีก เหมือนกับการตั้งกรรมการยาง กี่เดือนมาแล้วที่ตั้งไม่ได้ เพราะตกลงกันไม่ได้ และก็ไม่ใช่ความผิดของตน ของรัฐมนตรี เพราะมีการประชุมหลายครั้งก็ไม่เคยได้ นี่คือสิ่งที่เป็นความแตกแยกในมวลหมู่ประชาชนเกษตรกร ที่เป็นกลุ่มต่างๆตามพรรคการเมืองที่ผ่านมา ตนไม่อยากจะโทษ แต่นั่นคือสิ่งที่ทำให้บ้านเมืองเสียหาย

 

นายกฯ กล่าวอีกว่า วันนี้ประชาชนแบ่งเป็นกลุ่มเป็นฝ่ายจนรวมกันไม่ได้ มันควรจะมีนายกสมาคมยางคนเดียวหรือไม่ ควรจะมีนายกสมาคมข้าวคนเดียวหรือไม่ แต่นี่แตกไม่รู้กี่สมาคมมันก็ประชุมกันไม่ได้สักที ทุกคนไม่มองในภาพรวม มองแต่ในส่วนเล็กๆของตัวเอง และก็ตกลงกันไม่ได้ แล้วให้รัฐบาลเป็นคนตัดสิน รัฐบาลที่ผ่านมาตัดสินได้ไหม วันนี้ในเรื่องยางมอบให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ดูแล ทหารก็ทำสำเร็จ ที่ทำก็ทำแบบทหาร ที่ผ่านมาก็ทำแบบเดิม ช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อน แต่ให้ช่วยเหลือไร่ละพันห้า อะไรก็แล้วแต่ ทั้งสร้างโครงสร้างการปรับเปลี่ยนใหม่  ก็ยังไม่ได้รับความสนใจมากนัก คนที่เขาทำดีเขาก็รอดไปแล้ว คนที่ทำไม่ดีก็ยังรออยู่เหมือนเดิม ระหว่างที่เราช่วยก็คิดมาตลอดว่าจะทำอย่างไร ก็คิดง่ายๆคือการทำให้ผลงานวิจัยที่พัฒนาเรื่องยางออกมาสู่การผลิตให้ได้ ไม่อย่างนั้นยาง 4.7 ล้านตัน จะสามารถใช้ได้เพียง 1ล้านตันในประเทศ ส่วนอีก 3 ล้านตันต้องขายในตลาดโลกหมด ตนจึงอยากถามว่าถ้าถูกกดราคา เศรษฐกิจต่างประเทศผันผวน น้ำมันลดลง ราคายางจะขายได้ไหม ตรงนี้คือปัญหา

 

นายกฯ กล่าวต่อว่า ส่วนปัญหาที่สองคือปริมาณราคายางที่มากเกินไป ควรจะปลูกไม่ถึง 2 ล้านไร่ แต่วันนี้มีกรปลูกยาง 4-5 ล้านไร่ บุกรุกเขาบ้าง ตรงนี้คือปัญหาที่เราต้องแก้ไข ถ้ามันปกติ ตนไม่เข้ามาอยู่แล้ว เพราะมันแก้ไม่ได้ หลายอย่างต้องใช้สติปัญญาในการแก้ รวมถึงพฤติกรรมการทำงานของเข้าหน้าที่ก็ต้องปรับเปลี่ยนทั้งหมด ถ้าทุกคนไม่ช่วยตนตรงนี้ มัวแต่จับผิดกัน ตนก็จะทำอะไรไม่ได้

 

“ผมขอถามว่า สิ่งที่ทุกคนต้องการ ทั้งการกินดีอยู่ดี ความมั่นคงด้านเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน การพัฒนาที่ลดความเหลื่อมล้ำ มันจะเกินขึ้นได้ไหม ก็เกิดไม่ได้ กลไกประชาธิปไตยปกติไม่สามารถแก้ได้ ฉะนั้นสิ่งที่ทหารเข้ามาในวันนี้ เข้ามาเพื่อทำทุกอย่างให้มันเกิด วางพื้นฐาน แล้ววันหน้าท่านก็ไปว่ากันเอาเอง เพราะเป็นกระบวนการประชาธิปไตยทั้งสิ้น ไปเลือกกันมาให้ดีแล้วกัน จะทำต่อไม่ทำต่อเท่านั้นแหล่ะ ไม่ใช่พูดแต่ว่าประชาชนเดือดร้อนผมไม่ว่าเพราะเขาคิดแบบนักการเมือง มันก็เรื่องของเขา แต่ผมคิดแบบนักการทหารและนักการเมืองด้วย ผมไม่ใช่นักการเมืองอย่างที่เขาว่ากันเพราะผมเป็นนักการทหารมากกว่า มีสติปัญญา แก้ปัญหาโดยอดทนอดกลั้น นั่นคือหลักการ” นายกฯ กล่าว

 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยืนยันอีกครั้งเรื่องยางที่ไปซื้อไม่ใช่เราไปกำหนดราคาเอง เราก็ต้องจัดคณะลงไปหารือกับเกษตรกรว่าราคายางจะเท่าไหร่ จึงอยู่ได้ ซึ่งเป็นราคาที่เขากำหนดกันมา ไม่ใช่ไปตั้งเท่านี้เท่านั้นเพื่อชดเชย มันไม่ใช่ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็จะเป็นแบบเดิม ยางจะไปกองในคลัง แล้วยางส่วนนี้ก็ไม่ได้เอาขายในตลาดแข่งกับข้างนอก มีแต่ว่าเอาไปขายตามกระบวนการผลิตเป็นอุตสาหกรรมออกมา ไปสร้างธุรกิจเอสเอ็มอีใหม่ โรงงานใหม่ โรงวานขนาดเล็กให้ทำเรื่องพวกนี้ ไม่ใช่เรื่องเดิมเอาไปทำหมดทุกอย่าง แต่ผลงานวิจัยพัฒนาเคยเอาไปทำเคยเอาไปใช้ประโยชน์กันไหม แต่รัฐบาลนี้ไปไล่มา เอามาขึ้นบัญชี เอามาสู่การผลิต เอามาทำเอสเอ็มอีให้ทุนสนับสนุน ตรงนี้คือวิธีการที่ถูกต้อง ตรงนี้คือสิ่งที่ทหารคิด เข้าใจหรือยังไม่ใช่เอายางมาแล้วให้กระทรวงไปซื้อมาเป็นตัน แล้วมีโรงงานของตัวเองเหรอ ก็ไม่มี

 

“อย่าไปติดกกับในเรื่องยางล้นตลาด แต่ต้องพูดว่ากลไก กระบวนการสร้างความยั่งยืน ในกระบวนการครบวงจรของยางมีอะไรบ้าง ต้นทาง กลางทาง ปลายทาง วันนี้ต้นทางมากเกินไป กลางทางตลาดส่งออกมากเกินไป ผลิตใช้ในประเทศน้อยก็ต้องไปแก้ตรงกลางทางเอาไปใช้ในประเทศให้มากขึ้น 40-50เปอร์เซ็นต์ แก้การลดการปลูกยาง ไปปลูกอย่างอื่นด้วยความสมัครใจ ไม่ใช่การบังคับ นี่คือสิ่งที่รัฐบาลนี้คิดรัฐบาลอื่นคิดไหม” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

 

นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลให้ทุนสร้างขยายโรงงาน อย่างนี้คือการสร้างความเข้มแข็งภายในประเทศ ดึงภาคธุรกิจกลุ่มต่างๆเข้ามา เพื่อเข้ามาช่วย ไม่ใช่ตนไปช่วยนักธุรกิจ เขาอาสามาช่วย เขาขอตนก็ไม่ให้ เพราะเราทำไว้หมดแล้ว เพื่อความเป็นธรรมปลายทางคือผู้บริโภค เมื่อผลิตออกมาแล้จะขายใคร ฉะนั้นถ้าไปเริ่มต้นข้างนอกเลยก็ไม่ได้ ต้องเริ่มที่ข้าราชการก่อน ส่วนข้าราชการแต่เดิมซื้อไม่ได้ เพราะระเบียบการใช้งบประมาณคนละแบบ มันต้องซื้อจากมาตรฐานภายนอก วันนี้เราต้องแก้ตรงนี้ พอแก้แล้วระบบงบประมาณต้องใช้ได้ 10-30 เปอร์เซ็นต์ที่จะนำมาซื้อของพวกนี้ แต่ไม่ใช่ไปไล่ล่าว่าจะต้องไปซื้อเท่านั้นเท่านี้ ต้องให้เขาซื้อตามความจำเป็น แต่ก็ต้องมีการตรวจสอบมาตรฐานด้วย วันนี้ก็ต้องไปเร่งกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้ช่วยกันออกมาตรฐานให้เขา ที่ผ่านมาเมื่อวิจัยเสร็จก็อยู่ในตู้หมด แล้วมันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร นี่เขาเรียกว่าการใช้สติปัญญา

 

เมื่อถามว่าจะต้องมีการประชุมในทุกภาคเพื่อแก้ปัญหาหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้เริ่มต้นที่ภาคใต้ก่อน แล้วค่อนทยอยตามไป เพราะรู้ว่าเดือดร้อน แต่จำไว้อย่างหนึ่ง ว่าการประชุมทุกครั้งที่ผ่านมา ภาคอีสานน่ารักที่สุด เพราะเขาบอกว่าโอเคไม่เดือดร้อน เพราะมีอาชีพของเขาเองอยู่แล้ว เขาแค่มาปลูกยางเพิ่ม แต่เดิมนั้นภาคอีสานมีพื้นที่ปลูกยางน้อย แต่เมื่อราคายางสูงขึ้นก็ไปปลุกยางเพิ่มขึ้นโดยไม่คำนึงถึงความต้องการภายในและนอกประเทศ เวลาทำอะไรต้องคิดสามอย่าง คือต้นทาง กลางทาง ปลายทาง แล้วตามมาด้วยกฎหมายว่าต้องแก้ไขอะไรบ้าง เราต้องดูความเดือดร้อนมากน้อย จัดลำดับความเร่งด่วน ไม่ใช่โถมไปทั้งหมดดูยาง ข้าว น้ำ ทั้งประเทศแล้วเอาเงินจากที่ไหน แต่ต้องเริ่มจากภายในก่อน ทุกคนต้องร่วมมือพัฒนาตนเองก่อน ไม่ใช่มาด่าแต่รัฐบาล แต่รัฐบาลนี้ทำมากกว่ารัฐบาลอื่นที่ทำมาทั้งหมด

 

เมื่อถามว่านายถาวร เสนเนียม อดีตส.ส.จังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าควรเปลี่ยนตัวรมว.เกษตรและสหกรณ์ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้อยู่ตรงนั้น เขาก็ทำตามที่ตนทำ ในแท่งของเขา ทั้งการสร้างเสริม การเปลี่ยนอาชีพปลูกพืชอื่นทดแทน เหล่านี้ได้รับความร่วมมือไหม ก็ไม่ได้เลยหรือมีน้อยมาก คนที่ปลูกอย่างอื่นปลูกกล้วยหอม เขารวยไปแล้ว ที่เหลือไม่ทำเพราะอาจมีคนไปพูดว่า รอก่อนแล้วกัน เดี๋ยวเขามาแล้วจะให้แบบเดิม มันเป็นแบบนี้ ฉะนั้นต้องช่วยตน ซึ่งต้องสร้างการรับรู้ว่าการทำงานต้องทำสองแท่ง หนึ่งแท่งปกติ คือแก้ไขปรับปรุงระเบียบวิธีการ อย่างการตั้งพ.ร.บ.ยาง นี่คือการสร้าวความยั่งยืนระยะยาว ส่วนอีกแท่ง คือสิ่งที่คสช.คิดแล้วเดินไป ให้รัฐมนตรีเข้าไปดูแลรายละเอียด อย่างการที่เอาทหารไปกับองค์การคลังสินค้า เพื่อลงไปพูดคุยกับชาวบ้าน เขาก็พอใจในราคาที่น่าจะตกลงกันได้ ก็แค่นี้ก่อนในระยะแรกจะเอาอะไรกันนักหนา เงินมีเท่าไร เงินหน่ะมีไหม ไปเปิดเพลงฟังสิ เงินหน่ะมีไหม จะเอาทุกอย่างเป็นเศรษฐีหรือไง

 

เมื่อถามว่า มติครม.เมื่อวันที่ 12 ม.ค. ที่มีมาตรการช่วยเหลือชาวสวนยางเป็นการแก้ไขเฉพาะหน้าก่อนหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ใช่ แต่เป็นการสร้างตามผลงานวิจัยและพัฒนาเพื่อนำไปสู่การใช้ในประเทศเป็นระยะยาว เพราะมีการสร้างโรงงานเกิดขึ้น จากนี้ยางรถยนต์ต้องผลิตในประเทศไทยหมด แล้วมันจะไปไหน ก็ได้ภาษีกลับมาทุกอย่างต้องปรับเปลี่ยนในการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าจากวัตถุดิบที่มีอยู่และใช้ในประเทศให้มากที่สุดต้องคิดอย่างนี้ ไม่ใช่คิดแต่เรื่องสิทธิมนุษยชนคนจนคนรวยก็เป็นแบบเดิม