- 31 ก.ค. 2559
ติดตามข่าวเพิ่มได้ที่ www.tnews.co.th
"สุริยใส" ห่วงผลประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 7 ส.ค. หวั่นปชช.ติดกับดัก กลายเป็นเดิมพันทางการเมือง ไม่สร้างฉันทามติ ฝ่ายแพ้ไม่ยอมรับ นำไปสู่ขัดแย้งใหม่ ระบุไม่ว่าผลออกมาอย่างไร คสช.จะผลักภาระหรือปฏิเสธการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งไม่ได้
วันนี้ ( 31 ก.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต และผู้อำนวยสถาบันปฏิรูปประเทศไทย กล่าวถึงสถานการณ์ช่วงโค้งสุดท้ายของการลงประชามติ วันที่ 7 ส.ค.นี้ ว่า ขณะนี้มีความพยายามจะเอาผลประชามติรัฐธรรมนูญ วันที่ 7 ส.ค.มาเป็นวันชี้ชะตาการเมืองไทยหรือเป็นการเดิมพันอะไรบางอย่างทางการเมือง เพื่อผูกเรื่องให้เกิดการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองต่างๆ หลังประชามติไม่ว่าผลประชามติจะออกมาอย่างไร เพราะเหตุผลหลักของการรับร่างหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญเป็นเหตุผลทางการเมืองมากกว่าเหตุผลในตัวร่างรัฐธรรมนูญ การประชามติที่มีเป้าหมายและเหตุผลที่หลากหลายแตกต่างกันออกไปเช่นนี้ อาจเกิดปัญหาใหม่ตามมา เพราะผลประชามติจะไม่สามารถสร้างฉันทามติในสังคมการเมืองหรือการยอมรับของผู้แพ้ได้ จนกลายเป็นความขัดแย้งใหม่ และนำการเมืองไทยเข้าสู่ความเสี่ยงได้ในที่สุด
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า ดังนั้นการเมืองไทยหลังวันประชามติอาจมีความสำคัญมากกว่าวันประชามติ 7 ส.ค.ก็ได้ ยิ่งหากประชาชนหลงไปติดกับดักหรือกลเกมการเมืองบางอย่าง และกลุ่มเคลื่อนไหวสามารถหยิบฉวยผลประชามติไปรับใช้เจตจำนงค์ทางการเมืองของตนเองได้ จะทำให้เกิดการเคลื่อนไหวขนาดใหญ่ตามมา ที่สำคัญหลังการลงประชามติไม่ว่าผลประชามติจะออกมาเช่นไร การปฏิรูปก่อนเลือกตั้งก็ยังเป็นวาระทางสังคมและเป็นสิ่งที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะผลักภาระหรือปฏิเสธไม่ได้ และจำเป็นอย่างยิ่งที่สังคมจะต้องติดตามตรวจสอบ เช่น การผลักดันกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญในกรณีที่ร่างรัฐธรรมนูญผ่าน หรือหากไม่ผ่านก็ต้องมาดูกันว่ากระบวนการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หน้าตาควรเป็นอย่างไร ถึงจะมีความชอบธรรมและได้รับการยอมรับในวงกว้าง
"ผมมั่นใจว่าถ้าคนไปลงประชามติ ในวันที่ 7 ส.ค.จำนวนมากๆ ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร แต่เป้าหมายร่วมกันของทั้ง 2 ฝ่าย คือ การปฏิรูปประเทศ ซึ่งจะเป็นแรงส่งสำคัญต่อกระบวนการปฏิรูปประเทศก่อนเลือกตั้ง ซึ่งเป็นเป้าหมายของคนส่วนใหญ่ " นายสุริยะใส กล่าว