เปิดใจ "ลุงสมาน" วัย 70 ชาวเชียงใหม่คนแรกปลูกข้าวหอมฯ ปีละ 2 ครั้งเผยชีวิตประสบผลสำเร็จได้ทุกวันนี้เพราะยึดคำสอนของพ่อหลวง

     นับว่าเป็นคนแรกของประเทศไทยที่สามารถปลูกข้าวหอมมะลิ 105 ได้ปีละ 2 ครั้งจนประสบความสำเร็จอย่างมาก สำหรับนายสมาน ทัดเที่ยง อายุ 70 ปี เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ชาวบ้านสันนาเม็ง บ้านเลขที่ 13 หมู่ 4 ต.สันเม็ง อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ที่เจ้าตัวได้นำแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาใช้ และยังเป็นผู้ริเริ่มแนวคิดในการเชื่อมอุโมงค์เพื่อระบายน้ำจากเขื่อนงัดสมบูรณ์ชล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ มายังเขื่อนแม่กวงอุดมธารา อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและป้องกันน้ำท่วมเมืองเชียงใหม่ จนทางรัฐบาลเห็นด้วยจึงได้อนุมัติงบประมาณการสร้างสร้างอุโมงค์ผันน้ำ 2 เขื่อน ซึ่งอยู่ในระหว่างการก่อสร้างจะเสร็จในปี 2564 อีกด้วย

 

 

     นายสมาน ได้เล่าความประทับใจที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรฯ ว่า เด็กๆ ได้ติดตามพ่อตน คือนายแสวง ทัดเที่ยง ซึ่งเป็นเกษตรกรปลูกสวนผักเหมือนกับตนตอนนี้ และยังเป็นคนแรกที่นำพืชผลเมืองหนาวมาปลูกที่เชียงใหม่ มีโอกาสได้นำผักไปถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ทุกๆ วันศุกร์ ครั้งละ 2 ชะลอม ตนเองจึงได้พบพระองค์ท่านหลายครั้งบนพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ โดยพระองค์ท่านจะตรัสถามเรื่องเกษตรตลอด

 

     และสิ่งที่ตนจะจดจำไปตลอดชีวิต คือครั้งหนึ่งเคยได้เข้าเฝ้าพระองค์ที่สนามบินเชียงใหม่ เมื่อปี 2529 นานร่วม 30 นาที โดยตนได้นำชาวนาผู้ปลูกข้าวบาสมาติเข้าเฝ้าฯ พระองค์ยังได้ตรัสถามถึงเรื่องเกี่ยวกับเกษตรและการช่วยเหลือชาวไร่ชาวนา ก่อนเสด็จกลับพระองค์ท่านได้ตรัสฝากไว้ว่า "ยังมีชาวไร่ชาวนาที่ยากจนอีกมาก มีโอกาสจงช่วยเขาให้ความเป็นธรรมกับเขา" ซึ่งตนถือเป็นพระบรมราโชวาทที่จะต้องปฎิบัติเพื่อพระองค์ ตนในฐานะตัวแทนเกษตรกรรับมาใส่เกล้าใส่กระหม่อมจนทุกวันนี้ ตนทำไร่ทำสวนตามแนวพระราชดำริพอเพียงของพระองค์ท่านอย่างไม่หยุด และคอยช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวให้ความรู้และหาแหล่งน้ำมาให้

 

 

 

 

     ทั้งนี้ นายสมานยังกล่าวถึงการปลูกข้าวหอมมะลิว่า ที่ข้าวหอมมะลิ 105 สามารถปลูกปีละ 2 ครั้งได้เพราะพระองค์ท่าน ตนต้องช่วยเหลือแนะนำชาวไร่ชาวนาในเรื่องเกษตรกรรม และในการปลูกข้าวหอมมะลิ 105 ให้เพียงพอต่อการบริโภคและส่งออก จนประสบความสำเร็จ ถือว่าได้นำแนวทางพระดำริของพระองค์มาเป็นแนวทางจนทำอะไรสำเร็จหมด ถึงแม้ผมจะตกอยู่ในห้วงเศร้าโศกที่สุดของชีวิตหลังพระองค์ท่านได้สู่สวรรคาลัย แต่ก็ไม่ย่อท้อเพราะสิ่งที่พระองค์ท่านทำไว้ให้กับบ้านเมืองจำนวนมหาศาล เชื่อว่าคนไทยทุกคนยึดสิ่งที่ท่านทำไว้ให้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตไปตลอด