ทางของ "ปึ้ง"!! จากศัตรูไปไม่รุ่งเปลี่ยนแนว..มาภักดี ได้เป็น"รมว.ต่างประเทศ" สู้เพื่อนาย สุดท้ายไปไม่รอดถูกถอดถอนก็เพราะนาย!!??

ทางของ "ปึ้ง"!! จากศัตรูไปไม่รุ่งเปลี่ยนแนว..มาภักดี ได้เป็น"รมว.ต่างประเทศ" สู้เพื่อนาย สุดท้ายไปไม่รอดถูกถอดถอนก็เพราะนาย!!??

เรียกได้ว่า"ทุบประวัติศาสตร์" ของการถอดถอนผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ อย่าง "อ้ายปึ้ง" นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศออกจากตำแหน่ง กรณีการออกหนังสือเดินทางชนิดธรรมดาให้พันตำรวจทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และยศในขณะนั้นโดยมิชอบ ด้วยคะแนนเสียงถอดถอน 231 เสียง ไม่ถอดถอนแค่4 เสียง 

ทางของ "ปึ้ง"!! จากศัตรูไปไม่รุ่งเปลี่ยนแนว..มาภักดี ได้เป็น"รมว.ต่างประเทศ" สู้เพื่อนาย สุดท้ายไปไม่รอดถูกถอดถอนก็เพราะนาย!!??

 สำหรับเส้นทางการเมืองของ นายสุรพงษ์  นั้นเริ่มต้นโดยลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในปี พ.ศ. 2529 สังกัดพรรคกิจสังคม แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง ต่อมา ปี2539 ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 1 จังหวัดเชียงใหม่ ในนามของพรรคประชาธิปัตย์   จากนั้นต่อมาในปี 2544  ได้ลงสมัครในเขตพื้นที่เดิม แต่กลับมาพ่ายแพ้ให้แก่ ปกรณ์ บูรณุปกรณ์ อดีต ส.ส.เขต 1 เชียงใหม่ พรรคไทยรักไทย ด้วยคะแนนเสียงไม่ถึง 1 หมื่นคะแนน โดยจากการแพ้การเลือกตั้งในครั้งนั้น ทำให้นายสุรพงษ์ ได้ย้ายมาลงสมัครในระบบรายชื่อของพรรคประชาธิปัตย์ ในลำดับที่ 41 แต่ก็ต้องผิดหวังซ้ำอีกครั้ง

ซึ่งตลอดระยะเวลาที่นายสุรพงษ์อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ ได้มีบทบาทสำคัญในการอภิปรายโจมตีนายทักษิณ ชินวัตร มาโดยตลอด และเคยได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อทาง กกต. ให้ตรวจสอบความถูกต้องการหาเสียงของ นายปกรณ์ บูรณุปกรณ์ ส.ส.พรรคไทยรักไทย ข้อหาสัญญาว่าจะให้ ในวันที่ 6 กรกฎาคม 2546

 จากนั้นความเคลื่อนไหวของ นายสุรพงษ์ ก็ได้เงียบหายไปจนกระทั่งกลางปี 2549นายสุรพงษ์  กลับมาอีกครั้งในฐานะ เแกนนำต่อต้านการเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) โดยใช้ชื่อว่า "เครือข่ายพลังประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" และนี่คือใบเบิกทางสำหรับการจับมือกันายทักษิณ และพรรคไทยรักไทย

อาทิ เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2549 นายสุรพงษ์ นำทีมกลุ่มคนที่อ้างตัวเป็น “แนวร่วมคนเชียงใหม่รักสันติ” พร้อมตัวแทนชาวบ้านที่ประกาศตัวเป็นกลุ่มมวลชนต่าง ๆ เช่นกลุ่มฮักเมืองพร้าว กลุ่มแม่แตงสามัคคี กลุ่มแม่ริมรักชาติ กลุ่มแม่ริมสร้างสรรค์ กลุ่มสารภีเสรี กลุ่มเชียงใหม่สมานฉันท์ และชมรมสารภีก้าวหน้า จำนวนกว่า 200 คน มารวมตัวกัน ที่บริเวณอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ อ.เมือง เรียกร้องให้มีการจัดการเลือกตั้ง ภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญโดยเร็ว เป็นต้น


 ภายหลังการรัฐประหารและพรรคไทยรักไทยถูกยุบพรรค จึงย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชาชน และ นายสุรพงษ์ ได้รับเลือกตั้งเป็นส.ส. จังหวัดเชียงใหม่  อีกครั้งใน พ.ศ. 2550 ในนามพรรคพลังประชาชน ซึ่งมีนายสมัคร สุนทรเวช เป็นหัวหน้าพรรคในขณะนั้น 

ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมาธิการการคลัง การธนาคาร และสถาบันการเงิน สภาผู้แทนราษฎร ต่อจากนั้นได้ย้ายไปสังกัดพรรคเพื่อไทย และได้รับการแต่งตั้งเป็นรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2553 ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยพ.ศ. 2554 ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 20 ของพรรคเพื่อไทย และได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต่อมาได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีเพิ่มอีกตำแหน่งหนึ่ง

ทั้งนี้นายสุรพงษ์ เป็นหนึ่งในบุคคล ที่ร่วมลงนามถวายฎีกา เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษแก่ นายทักษิณ  ร่วมกับ นปช.แดงทั้งแผ่นดิน ในปี พ.ศ. 2552 อีกด้วย เรียกว่าได้ดิบได้ก็เพราะนายทักษิณ และถูกถอดถอนก็นายทักษิณอีกเช่นกัน อย่างไรก็ตามหลังจากการถูกถอดถอน จะต้องถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี ตามรอยนายหญิงแห่งพรรคเพื่อไทย นั่นก็คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กรณีโครงการรับจำนำข้าว และนอกจากนี้ยังอาจถูกฟ้องดำเนินคดีทางแพ่งและอาญาอีกด้วย และยังไม่นับ "แก๊งคนเพื่อไทย" อีกหลายต่อหลายคน ไม่ว่าจะเป็นนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ นายภูมิ สาระผล เป็นต้น