เปิดสัมพันธ์? "ทักษิณ ชินวัตร" กับ "ดิสธร วัชโรทัย" และคำพูดที่ว่า "ผมอยู่พรรคในหลวง"

เผยความสัมพันธ์ ระหว่าง ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับ นาย ดิสธร วัชโรทัย อดีตข้าราชการประจำสำนักพระราชวัง

นาย ดิสธร วัชโรทัย อดีตข้าราชการประจำสำนักพระราชวัง ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นข่าวลงหนังสือพิมพ์เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ในการที่เขาไปบรรยายพิเศษและเนื้อหาของการบรรยายก็มีบางช่วงบางตอน ซึ่งมีใจความว่า

 

"ถ้ารักในหลวงให้อยู่ชุมพร ไม่ต้องไปที่อื่น รักในหลวงให้อยู่บ้าน รักในหลวงให้กลับบ้าน คุณไปแสดงพลังตรงนั้นไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย รังแต่จะทำให้เกิดความแตกแยก ผมกล้าพูดตรงนี้เพราะผมเป็นตัวจริงเสียงจริงนะครับ รับพระราชกระแสมาเองว่า พวกเราต้องขยาย ทำอย่างไรให้เขาทราบว่า เรามีหน้าที่และทำหน้าที่อะไร ผมไม่ได้เข้าข้างใคร ผมไม่รู้ว่าใครผิดใครถูก ผมรู้อย่างเดียวว่า ผมอยู่พรรคในหลวง และพรรคนี้ใหญ่โตมาก"

 

การแสดงออกดังกล่าวของ นาย ดิสธร ถูกตีความอย่างกว้างขวางว่าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไม่พอพระทัยการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พ.ศ. 2551 เนื่องจาก ขณะนั้น ดร.ดิสธร วัชโรทัย ดำรงตำแหน่ง รองเลขาธิการพระราชวัง ราชการบริหารส่วนกลาง

 

และครั้งหนึ่ง นาย สนธิ ลิ้มทองกุล พูดบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่ามีใครบางคนทำตัวเป็นสปายและรับเงิน นาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดือนละ 5 แสน เช่นเดียวกับ ปอง อัญชลี ไพรีรัก ก็ลงรายละเอียดในข่าวเช่นเดียวกันในเวลาต่อมาว่า

 

ใครคนนั้นรับเงินจากทักษิณเดือนละ 5 แสน รับสายจากทักษิณเมื่อครั้งรัฐประหาร 19 กันยา พร้อมคำสั่งให้รายงานว่า “พวกมัน” มาเข้าเฝ้าหรือยัง และพูดกันว่าอย่างไร รายงานให้หมดให้ครบทุกประเด็น!? ให้คอยทำตัวเป็นสปายคอยรายงานทุกย่างก้าวของราชสำนักนับแต่นั้น และอาจไกลถึงขั้นส่ง "หมายกำหนดการ" ให้ทราบทุกวัน!?

มาในวันนี้เมื่อ นายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา เลขาธิการพระราชวัง ได้ลงนามในคำสั่ง สำนักพระราชวัง ที่ 568/2560 เรื่อง ลงโทษไล่ข้าราชการออกจากราชการ โดยระบุว่า ด้วยนายดิสธร วัชโรทัย ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายพลเรือน ตำแหน่งประจำสำนักพระราชวังพิเศษ เลขที่ตำแหน่ง 650 สังกัดราชการบริหารส่วนกลาง อัตราเงินเดือน 76,800 บาท ได้กระทำผิดวินัย ฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง

โดยมีกรณีความผิดกล่าวคือ นายดิสธร ซึ่งได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ฯ อีกหน้าที่หนึ่ง ได้ใช้อำนาจของตน สั่งการให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ฯ แสดงเอกสารรับรองว่าบุคคลภายนอกได้บริจาคเงินให้แก่มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ฯ เป็นจำนวนเงินยี่สิบห้า (25) ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวเป็นส่วนลดในการซื้อสินค้าตามปกติ โดยไม่ได้มีการบริจาคเงินจำนวนดังกล่าวจริงแต่อย่างใด และนายดิสธร ได้นำเอกสารรับรองการบริจาคดังกล่าว เสนอต่อกรมพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นทุติยดิเรกคุณาภรณ์ ให้แก่บุคคลภายนอก อันเป็นการฉ้อโกงเครื่องราชอิสริยาภรณ์

และนายดิสธร ในฐานะรองเลขาธิการพระราชวัง ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมดูแลกองพระราชพาหนะ ได้นำรถยนต์ในพระปรมาภิไธยไปใช้จนเกิดอุบัติเหตุ และแอบอ้างพระปรมาภิไธย เพื่อยกเว้นภาษีการนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศ แล้วนำรถยนต์นำเข้าจากต่างประเทศไปใช้ทดแทนรถยนต์คันเดิมที่ประสบอุบัติเหตุ โดยไม่ปรากฏหลักฐานการน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายรถยนต์คันใหม่และไม่มีหลักฐานการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์คันเดิมแต่อย่างใด

 

นอกจากนี้ นายดิสธร ได้มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับหญิงอื่นที่มิใช่ภรรยาของตนเอง เมื่อหญิงตั้งครรภ์กลับพาหญิงคนดังกล่าวไปทำแท้ง นอกจากนั้นเมื่อหญิงคนดังกล่าวตั้งครรภ์เป็นครั้งที่สอง นายดิสธรก็ยังบังคับข่มขืนใจเพื่อให้ไปทำแท้งอีกครั้งแต่หญิงคนดังกล่าวไม่ยินยอม นายดิสธรจึงบังคับหญิงคนดังกล่าวให้แต่งงานกับชายอื่น ซึ่งไม่เคยมีความสัมพันธ์กัน 

อีกทั้ง นายดิสธร ได้นำดินที่ขุดทิ้งจากโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาใหม่ ซึ่งมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ฯ ขอรับบริจาคจากสภาสภาผู้แทนราษฎร เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในกิจการของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ฯ แต่นายดิสธร กลับนำดินดังกล่าวไปขายให้แก่โครงการหมู่บ้านจัดสรรและยังนำดินส่วนหนึ่งไปถมในพื้นที่ของครอบครัวตนเอง ซึ่งมิได้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ขอรับบริจาค พฤติกรรมดังกล่าวของนายดิสธร เป็นการกระทำผิดราชสวัสดิ์และเป็นความผิดวินัยฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง จึงเห็นสมควรได้รับโทษไล่ออกจากราชการ

 

สำนักพระราชวังพิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำของ นายดิสธร วัชโรทัย เป็นความผิดวินัยฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง จึงเห็นควรลงโทษไล่ออกจากราชการ

ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560 มาตรา 15 และมาตรา 18 แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดระเบียบราชการและการบริหารงานบุคคลของราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560 จึงลงโทษไล่ นายดิสธร วัชโรทัย ออกจากราชการ และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ด้วย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 นายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา เลขาธิการพระราชวัง

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- สุดยอดวิชาโกง!!! ครบ 9 ปีเต็มยึดทรัพย์ “ทักษิณ” จำไม่ลืมคำสาปแช่ง สุดท้ายดาบคืนสนอง...จบสิ้น(หวัง)กลับแผ่นดินไทย
- ทักษิณขุดต้มยำกุ้ง พูดความจริงไม่แท้??? ยกคำสอน โลภทำให้พลาด ครอบครัวเดือดร้อน!?!