- 08 มี.ค. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
ตามติดต่อเนื่องสำหรับประเด็นร้อน กรณี พ.ต.อ.กันตพงษ์ นิลขำ ผกก.สภ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ถูกคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 79/2561 ลงวันที่ 28 ก.พ. 2561 ให้ย้ายไปดำรงตำแหน่งผู้กำกับการ ฝ่ายอำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ จนเกิดปฏิกิริยาจากหลายฝ่ายทื่ไม่เห็นด้วยกับวิธีปฏิบัติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีผลการทำงานเป็นที่ประจักษ์ แต่กลับถูกโยกย้ายไปประจำหน้าที่ที่ไม่สอดคล้องกับคุณสมบัติส่วนบุคคล โดยเฉพาะเจ้าตัวที่ออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ตามประเด็นข่าวนำเสนอไปก่อนหน้า (คลิกอ่านข่าวประกอบ : ใครคิดนอกลู่นอกทางเจอกัน!! โพสต์แรกของ "ม.จ.จุลเจิม" กับว่าที่พรรคการเมืองใด ๆ ถ้าคิดเปลี่ยนพระราชอาณาจักรนี้ให้เป็นสาธารณรัฐ )
ล่าสุดมีการแพร่บทสัมภาษณ์ของ นายธนาธร นักธุรกิจและอดีตหนึ่งกลุ่มทุนผู้ผลิต “นิตยสารฟ้าเดียวกัน” ที่มีแนวคิดมุมมองในเรื่องการดิสเคดิตสถาบันเบื้องสูง ทั้งบทความการวิพากษ์สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ หรือพระราชพิธีสำคัญที่เกี่ยวข้องกับชนชั้นในหลายประเด็น หลายวาระ และรวมถึงข้อเสนอว่าด้วย “รัฐไทยใหม่” ออกมาผ่านช่องทางสื่อต่างๆ ในฐานะว่าที่นักการเมืองหน้าใหม่
“ผมเชื่อว่าเราในฐานะปัจเจกบุคคล มีพลังที่จะเปลี่ยนแปลงสังคม ให้เป็นสังคมที่น่าอยู่กว่าทุกวันนี้ได้ เพราะผมเชื่อในพลังของมนุษย์ และในทางปฏิบัติ ถ้าเราไม่นำเสนอสิ่งที่ก้าวหน้า เราก็ไม่รู้จะทำไปทำไม ส่วนนายปิยบุตร ที่มีกระแสข่าวจะมาร่วมก่อตั้งพรรคนั้น ส่วนตัวรู้จักกับนายปิยบุตรมาหลายปีแล้ว แต่ความชัดเจนทั้งหมดจะมีขึ้นในครึ่งหลังของเดือนมี.ค.นี้”
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านั้น นายธนาธรได้แสดงความเห็นทางการเมืองกับ 101 One-on-One บางช่วงตอนระบุว่า “ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ปิยบุตรหรือผม สิ่งที่เรามั่นใจว่าเป็นจุดแข็งของเราและแตกต่างจากคนอื่นคือเรื่องจุดยืน มันไม่ใช่เรื่องเงินในกระเป๋าผมมีเท่าไหร่ ไม่ใช่ผมมีปริญญากี่ใบ ไม่ใช่เรื่องที่ผมเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จหรือเปล่า แต่เป็นเรื่องความแน่วแน่ในการมีจุดยืนทางการเมือง ถ้ากลับไปอ่านบทสัมภาษณ์ผมเมื่อ 20 ปีที่แล้ว กับอ่านบทสัมภาษณ์วันนี้ ผมคิดว่าผมพูดเหมือนเดิม...”
และอีกความเห็นหนึ่งระบุถึงนายทักษิณ ชินวัตร “ผมคิดว่าถ้าจะต้องช่วยคุณทักษิณเป็นรายเฉพาะเจาะจง เป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าคืนความชอบธรรมให้คุณทักษิณส่วนหนึ่ง คือคดีอะไรที่ถูกจัดการด้วยการมีเป้าหมายทางการเมือง (politically motivated) คดีเหล่านั้นควรถูกนำมาพิจารณาใหม่ ด้วยศาลที่ยุติธรรม แล้วผลของศาลยุติธรรมจะเป็นอย่างไร ผมได้แต่ยักไหล่ ผมทำอะไรไม่ได้
ถ้าให้ช่วยเหลือเฉพาะเจาะจงแค่คุณทักษิณผมทำอะไรไม่ได้ แต่ถ้าพูดถึงภาพรวมของคนที่ไม่ได้รับความยุติธรรมจากการเคลื่อนไหวทางการเมืองในรอบ 10 ปีที่ผ่านมามีเยอะแยะเลย คนที่ติดคุกฟรี คนที่ยังอยู่ในคุก คนเล็กคนน้อยที่ไม่ใช่ระดับแกนนำ มีอีกเยอะมากทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่และไม่อยู่ คนเหล่านี้ควรต้องได้รับความยุติธรรรม...”
น่าสนใจยิ่งมากขึ้นกับเส้นทางการก้าวสู่ถนนการเมืองของ นายธนาธร พบว่า ทางด้าน นายจอม เพชรประดับ อดีตสื่อมวลชน และพิธีกร Thaivoicemedia ก็โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก Jom Petchpradab เช่นกัน (คลิกอ่านข่าวประกอบ : วันที่ธนาธรเป็นนายกฯ ผมเสียดายสถานะความเป็นพลเมืองไทย...จอม พูดแบบนี้หมายความว่าไง??? ชาวเน็ตบอกกำกวมมาก!!!เจ้าตัวถึงกับต้องออกมาแจงรัว?!? )
ล่าสุดในเพจเฟสบุ๊ก “Chulcherm Yugala” ได้โพสต์ข้อความที่แสดงให้เห็นความจงรักภักดีสูงสุดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยอีกครั้ง ท่ามกลางกระแสถาโถมของกลุ่มการเมืองที่จะเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งในปี 2562 “ ผมขอนำจิตวิญญาณที่ดีกลับคืนสู่สังคมไทย ตามแนวทางของสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่ทรงมีพระบรมราโชบาย มอบอำนาจอธิปไตยให้เป็นของปวงชน ที่ไม่ใช่พวกหัวนอก ครอบงำด้วยตำราฝรั่ง ดูถูกรากเหง้าบรรพชน ความคิด และจิตวิญญาณของบรรพชน
......... พระราชอาณาจักรนี้ จะได้เลิกเดินตามก้นฝรั่งเสียที เรามีสถาบัน เรามีพระมหากษัตริย์ เป็นพระประมุข ”
ม.จ. จุลเจิม ยุคล
จากนั้นมีผู้เข้ามาแสดงความเห็นจำนวนหนึ่ง ในเชิงสนับสนุนการร่วมปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ให้ดำรงอยู่กับแผ่นดินสืบต่อไป ไม่ว่าอนาคตภาคภาคหน้าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงในทางการเมืองอย่างหนึ่งอย่างใด ..