- 29 เม.ย. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
ท่ามกลางกระแสถาโถมเรื่องกำหนดวันเลือกตั้ง ดูเหมือนว่าความเคลื่อนไหวทางการเมืองในทุกมิติก็ยิ่งรุนแรงหนักหน่วงมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งหน้าเก่า ที่ยืนหลักการชัดเจนว่าต้องต่อต้านคสช. และหน้าเก่าที่ประกาศเป็นขั้วตรงข้ามคสช. เพราะมั่นใจว่าพรรคตนเองมีหลักการถูกต้องว่าด้วยวิถีทางประชาธิปไตย ขณะที่ล่าสุดก็มีพรรคการเมืองหน้าใหม่เกิดขึ้นมากมายเช่นเดียวกัน ถึงขั้นประกาศตัวเองเป็นทางเลือกใหม่ก็มี ทั้งๆที่แนวทางความคิดเดิม ๆ ในอดีต สามารถบ่งบอกอะไรๆได้หลายอย่าง ว่าความเปลี่ยนแปลงนั้นคืออะไร??
ล่าสุด ม.จ.จุลเจิม ยุคล ได้โพสต์แสดงความเห็นอนาคตประเทศ ในช่วงกระแสการเลือกตั้งกำลังจะเกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญว่า " เรื่องการตั้งพรรคการเมือง ทำเพื่ออะไร? ทำแล้วผลสำเร็จของการตั้งพรรคการเมือง คืออะไร? ทำพรรคการเมืองแล้วจะสำเร็จไหม? ช่วยประเทศชาติ และประชาชน ได้ไหม ? ช่วยตอบคำถามให้หน่อย ครับ ?
แต่ถ้าผมจะร่วมตั้งพรรคการเมือง ทำเพื่อให้คนที่มีอุดมการณ์ได้เข้าร่วมกันเป็นตัวแทน เป็นปากเสียง รักษาผลประโยชน์ให้กับประชาชนอย่างแท้จริง ต้องทำให้เป็นพรรครัฐบาล เป็นรัฐบาลเพื่อนำนโยบายที่มี ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ และประชาชนไปใช้ได้จริง ถ้าอย่างนั้น "ผมทำ"
ถ้าผมอยากจะเป็นรัฐบาล (ไม่แน่) ก็ต้องมี เพื่อน ส.ส. ที่ดีพอที่จะทำให้เป็นรัฐบาลที่ดีได้ และ ส.ส. เพื่อนร่วมพรรค ก็จะต้องเป็นตัวแทน รักษาผลประโยชน์ของประชาชนได้อย่างแท้จริง ทำงานให้ประชาชนได้จริง สางงานต่างๆในโครงการในพระราชดำริให้ได้....ถ้าอย่างนี้ "ผมทำ" และ "ต้องทำให้ได้"
แต่ถ้าอยากตั้งพรรคเป็นของตัวเอง อยากเป็น ส.ส. "เพื่อตัวเอง" เพื่อที่จะได้ไปเป็นใหญ่ เป็นโต เป็นนายกฯ เป็นรัฐมนตรี เพื่อมาโกงกินบ้านเมือง ขายชาติ ขายบ้าน ขายเมือง มาเพื่อล้มล้างสถาบัน มาเพื่อเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองจากพระราชอาณาจักร มาเป็นสาธารณะ ถ้าอย่างนั้นต้อง "ทางใครทางมัน !" ....
ทำพรรคการเมืองไม่ใช่เรื่องยาก ! ถ้าผมอยากมีตำแหน่งก็ไม่ใช่เรื่องยาก ! สำหรับผม แต่ "ผมไม่ทำ" .........เพราะถ้าผมจะทำเพื่อตัวเอง แสดงว่าผม (เรา) เองยังเป็นคนที่ไม่มีคุณค่าพอ ยังไม่ใช่คนที่ดีพอ ที่จะเป็นตัวแทนของประชาชน เพื่อนร่วมชาติของผม......
ที่สำคัญ คือ ผม และเพื่อนร่วมงาน มีความรู้ ความสามารถเพียงพอหรือเปล่า ? ที่จะแบกรับภาระของประชาชน และประเทศชาติ นี่คือคำถาม??
"มียศ เสื่อมยศ
มีลาภ เสื่อมลาภ
มีสรรเสริญ มีนินทา
มีสุข มีทุกข์"