เอาความมั่นใจมาจากไหน?! ธนาธร ปากกล้า "จะสู้กับอำนาจคสช.-นิรโทษกรรมนักโทษคดีการเมือง ยุค คสช."

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

   จากกรณี เมื่อวันที่ 27 พ.ค.61 ที่อาคารยิมเนเซียม 5 ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต มีการจัดประชุมจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่ โดยที่ประชุม เปิดให้ คณะกรรมการบริหารแนะนำตัว และให้ผู้จดจองชื่อพรรค 26 คน ขึ้นส่งมอบภารกิจให้ 17 คณะกรรมการบริหารพรรคชุดแรก ที่มีวาระ 4 ปี 

โดยมีการกล่าวแสดงวิสัยทัศน์เริ่มต้นด้วย นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ โดยมีใจความว่า
   อนาคตใหม่หวังปรับภูมิทัศน์การเมืองไทยใหม่ด้วยการมุ่งมั่นทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ นำเสนอนโยบายที่ก้าวหน้า กระจายอำนาจ ลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ สร้างสวัสดิการ รัฐบาลพลเรือนอยู่เหนือทหาร นโยบายก็จะเกิดจากการศึกษาวิจัย รับฟังฟังประชาชน ศึกษารูปแบบต่างประเทศ นำมาสังเคราะห์ พรรคอนาคตใหม่ จะมองคู่แข่งไม่ใช่ศัตรูทาการเมือง แต่เป็นเพียงคู่แข่งทางการเมือง เพราะหากมองเป็นศัตรก็จะมุ่งกำจัด แต่หากมองเป็นคู่แข่ง ก็จะแข่งกันเพื่อทำความดีเอาชนะใจประชาชน
  “จะขีดเส้นแบ่งออกจากันให้ชัด ระหว่างการเมืองเก่ากับการเมืองใหม่ ใครใช้เงิน ใช้อิทธิพลดูดอดีตส.ส.คือการเมืองแบบเก่า ใครใช้เงินซื้อเสียง ซื้อหัวคะแนน คือการเมืองแบบเก่า พรรคใดกล่าหาสาดโคลนใส่ร้ายป้ายสีนั่นคือการเมืองแบบเก่า หากพรรคใดจ้องแต่จะมีอำนาจ โดยไม่คำนึงถึงอุดมการณ์ นั่นคือการเมืองแบบเก่า พรรคอนาคตใหม่ยืนยัน จะไม่ทำการเมืองแบบเก่า เมื่อขีดเส้นแบ่งชัดแล้ว ประชาชนเจ้าของอำนาจจะตัดสินใจเอง จะเลือกพรรคแบบเก่าหรือแบบใหม่”

ต่อจากนั้น นายธนาธร จึงรุงเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้ขึ้นมาพูดต่อซึ่งในช่วงต้นของการแสดงวิสัยทัศน์การเมืองครั้งแรกต่อหน้าคณะผู้ก่อตั้งพรรค คณะกรรมการบริหาร ผู้สังเกตการณ์ และประชาชนนับพันคน และยังได้ย้ำว่า เวลากว่าสองเดือนนับจากเปิดตัวพรรคอนาคตใหม่เมื่อ 15 มี.ค. ได้จุดประกายความคิดให้แก่สังคมในหลายเรื่อง ซึ่งในช่วงแรก ๆ เหมือนดูเหมือนก้าวร้าว แต่ปัจจุบันใคร ๆ ก็พูดในสิ่งที่พรรคเคยพูด ไม่ว่าจะเป็น การไม่เอารัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ไม่เอารัฐประหาร และทำให้รัฐประหารครั้งล่าสุดเป็นสุดท้ายของสังคม

   "พอกันทีกับคนส่วนน้อยที่ถือปืนแล้วกดหัวประชาชนเอาไว้ ขณะที่คนส่วนใหญ่ถูกปิดหู ปิดตา ปิดปาก เราต้องการการเมืองแห่งความหวัง หวังถึงการมีส่วนร่วมกับการออกแบบนโยบาย หวังถึงการทำให้คนในสังคมเท่ากัน มาร่วมกันขยับประเทศไทย เพื่อบอกว่าการเมืองที่เอื้อประโยชน์ให้ชนนั้นนำไม่กี่คน มันหมดแล้ว เพื่อให้คนไทยได้สิทธิและเสรีภาพกลับคืนมา" นายธนาธรกล่าว

 

 

ซึ่งแนวความคิดของว่าที่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ได้ถูกขยายความเพิ่มเติมในระหว่างตอบข้อซักถามสื่อมวลชน
พรรคจะเสนอชื่อใครเป็นนายกฯ ?

- (ธนาธร) ก็ต้องเสนอชื่อหัวหน้าพรรคเราสิครับ

จะต่อสู้กับความพยายามสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อย่างไร?

- (ธนาธร) เราไม่แปลกใจเรื่องนี้ เราเห็นตั้งแต่มีรัฐธรรมนูญปี 2560 แล้ว เรารู้อยู่แล้วว่าวันนี้ต้องมาถึง วันที่ คสช. ต้องสืบทอดอำนาจตัวเอง จึงอยากเรียกร้องสื่อมวลชนและประชาชนมาร่วมกับเราเพื่อหยุดการสืบทอดอำนาจเผด็จการ... รัฐธรรมนูญปี 2560 เราไม่แก้ เราจะฉีกเลย

- (ปิยบุตร) ถ้าเรามีโอกาสเข้าสภา วันแรกเราจะเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ทันที โดยมาตราแรกที่ต้องยกเลิกให้ได้คือมาตรา 279 ที่คุ้มครองประกาศและคำสั่งคณะรัฐประหารทั้งหมด เราจะปักธงก้าวหน้าลงสู่สังคม เพราะการยึดอำนาจก็ชัดเจนแล้วว่าเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113 ฐานกบฎ
 

ยืนยันเรื่องการนิรโทษกรรมนักโทษการเมืองในยุค คสช. หรือไม่?

- (ธนาธร) เรายืนยันว่าจะนิรโทษกรรมให้แก่คนที่โดนคดีการเมืองทั้งหมด เขาเป็นคนหนุ่มสาวเป็นประชาชนที่ใช้สิทธิเสรีภาพของตัวเอง นี่เป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานที่ควรได้รับการรับรอง ไม่มีเหตุผลที่จะไม่นิรโทษกรรม

- (ปิยบุตร) บรรดาประกาศและคำสั่งของ คสช. คือปืนที่เอากฎหมายมาห่อไว้ แต่ไม่ใช่กฎหมาย

ข้อเสนอล้มล้างรัฐธรรมนูญและคำสั่ง คสช. จะถูกมองว่าจงใจล้างแค้นหรือไม่?

- (ธนาธร) นี่คือการคืนความปกติให้สังคม เราไม่ได้แก้แค้น แต่เรากำลังจัดการเพื่ออนาคตของเรา ต่อไปต้องไม่มีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นอีก

กังวลหรือไม่ว่าจะถูกยุบพรรคตั้งแต่ยังไม่ได้รับการรับรอง เพราะการทำกิจกรรมที่ผ่านมาและจัดเฟซบุ๊กไลฟ์พูดถึงนโยบาย อาจถูกตีความว่าเป็นการหาเสียงล่วงหน้า?

- (ธนาธร) ถ้าเรายังกลัว ยังติดกับดัก ก็ไม่ต้องทำอะไรเลย ที่สังคมเป็นอย่างนี้เพราะเรากลัว เลิกกลัวได้แล้ว ถ้าคนยืนขึ้นหนึ่งคน สิบคน คุณจะกลัวเขา แต่เมื่อไรก็ตามที่เรายืนขึ้นเกินหมื่น คสช. ต่างหากที่ต้องกลัวประชาชน